จ่ายเงินเดือนครั้งแรก

หนึ่งสิ่งที่ไม่เคยทำกับอีกบริษัทนึงเลยคือการจ่ายเงินเดือน ตั้งบริษัทซอฟต์แวร์เข้าปีที่ 5 ตลอดเวลาที่ทำงานมาในบริษัทตัวเอง เป็นการจ่ายเงินแบบสัญญาจ้างรายโครงการ ไม่เคยได้จ้างพนักงานประจำสักคน มีอะไรก็เรียนรู้ค่อยๆทำมันเอง อะไรทำไม่เป็นก็หาข้อมูลหาหนังสือมาอ่านเอา ก็เป็น 5 ปีที่ struggle หนักพอสมควร แต่ท้ายที่สุดแล้วเป็นเราเองที่ได้เรียนรู้ทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่การตั้งบริษัท ไปสรรพากร แปรสภาพ จนถึงกำลังจะจดยกเลิก จึงได้รู้ว่า 5 ปีที่ผ่านมานี่เราอยู่ในทุกความทรงจำของบริษัทเลยก็ว่าได้

หากเล่าย้อนไปถึงตอนที่ตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ก็คงต้องไปที่บทความ เริ่มต้นธุรกิจด้วย ทุนจดทะเบียน 1,000 บาท และ บริษัท และบรรดาเอกสาร ที่เขียนไว้เมื่อปี 2016 – 2017 ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านการเป็นฟรีแลนซ์มาตั้งบริษัท จำได้เลยว่าช่วงแรกเป็นอะไรที่ลำบากมาก เพราะเป็นคนไม่ชอบทำงานเอกสาร รู้ว่าตัวเองไม่ได้รอบคอบ และหยิ่งทะนงว่างานเอกสารเป็นงานที่เสียเวลาเมื่อเทียบกับงานเขียนโปรแกรม

ผ่านมา 5 ปี ต้องขอบคุณตัวเองในวันนั้นที่ไม่ได้จ้างให้ใครมาทำแทน เพราะการกัดฟันฝืนเรียนรู้ทำเรื่องเอกสารเองในช่วงเวลาพวกนั้นทำให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเขียนแผนโครงการจบปริญญาโท จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่อยอดมาเป็นอีกบริษัทนึงได้ ไปจนถึงการเขียนข้อเสนอโครงการเพื่อขอทุนจาก กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (TED Fund) ตามเนื้อเรื่องใน ครั้งหนึ่งเคยได้รับทุนจาก TEDFund

ถึงปัจจุบันนี้ บริษัทที่ต่อยอดมาจากโครงการปริญญาโทมีน้องๆพนักงาน 5-6 คน และยังทำงานร่วมกับ outsource อีก 2-3 คน ก็ถึงช่วงที่ไม่เคยทำมาตลอดชีวิตของการเป็นผู้ประกอบการคือการจ่ายเงินเดือน จ่ายค่าเช่า และอีกสารพัดสิ่งจิปาถะที่พร้อมจะเกิดปัญหาได้ทุกเมื่อ ทำให้มานั่งนึกย้อนกลับไปถึงวันวานเก่าๆ ที่ตัวเองก็มีปัญหาแทบทุกอย่างกับการตั้งบริษัทใหม่ตอนแรกๆ

ความเจ็บปวดในวันนี้และในอดีตอาจจะทำให้เราได้เรียนรู้ ได้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เราอาจจะเคยคิดอยู่เสมอว่าตัวเองโตแล้ว สามารถแก้ไขรับมืออะไรต่างๆนาๆที่เข้ามาได้ มันอาจจะเป็นได้ทั้งความหยิ่งยะโสและความมั่นใจตัวเองในเวลาเดียวกัน ซึ่งเราเองก็ไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาดีหรือร้าย ต้องรอให้วันเวลาสอนเราจากสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงเท่านั้น

คิดอะไรไปก่อนล่วงหน้าจนพะวงก็อาจจะเกิดความกังวลวิตกไปโดยใช่เหตุ แต่ถ้าไม่คิดเลยก็อาจจะไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับอะไรที่กำลังจะถาโถมเข้ามาได้ คำถามคือเราต้องทำตัวเองให้อยู่ในจุดไหน และจุดไหนคือความพอดี

ถ้าเราใช้เวลา 5 ปีที่ผ่านมาเรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจ แล้วตอนนี้ถึง 5 ปีข้างหน้าเราจะได้เรียนรู้อะไร แล้วเราจะไปอยู่ที่จุดไหน? หรือเราอาจจะท้อ เหนื่อยกับการทำงานตลอดเวลาที่ผ่านมาแล้วรีไทร์ตัวเองออกไปพักผ่อน เห็นว่าสิ่งที่ต้องการจริงๆไม่ใช่ความสำเร็จแต่เป็นความสุขสงบที่ตัวเองรู้สึกยินดีพอดี หรือเราจะโหยหาความสำเร็จมากขึ้น เปลี่ยนตัวเองมากขึ้นเพื่อให้เข้าใกล้ถึงเป้าหมายที่ตัวเองฝันใฝ่ไว้เสมอมาตั้งแต่แรก

คือตรงไหน?

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ