เวลามักสั้นเสมอ.. สำหรับผู้ต้องการเวลา

เคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหมครับ ว่าทำไมบางคนถึงไปได้ไกลและเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่าคนอื่น เวลาที่เรามองและให้เหตุผลรองรับนี้เองที่ถือเป็นตัวกำหนดทัศนคติของเราด้วยเช่นกัน หลายคนอาจจะบอกว่า เพื่อนพี่น้องเราที่เจริญก้าวหน้านั้นโชคดี ได้เจอแต่คนดีๆ หรือได้แต่ลูกค้าดีๆ และหลายคนก็อาจจะบอกว่าใครคนนั้นขยันขันแข็ง ทำงานอย่างไม่ลดละ และมีเทคนิคในการทำงานที่น่าชื่นชม

เรื่องนี้ผมเคยเขียนบทความเมื่อนานมาแล้วชื่อว่า เชื่อว่าตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้? เพราะคุณเป็นคนแบบ External locus of control ยังไงล่ะ สรุปง่ายๆ คือมีคนสองประเภท หนึ่งคือคนที่มักจะคิดว่าผลลัพธ์อะไรก็ตามมักจะได้มาจากโชคชะตา โอกาส ฯลฯ กลุ่มนี้เรียกว่า External locus of control คือผลลัพธ์อะไรก็ตามที่เกิดกับเราส่วนใหญ่เกิดจากสิ่งภายนอก เชื่อว่าตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมายนัก

ผิดกับอีกกลุ่มที่เชื่อว่าตัวเองสามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ ผลลัพธ์ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำในทุกวัน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ผลส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับตัวเองมักมาจากความพยายามของตนเองโดยแท้ เป็นกลุ่มที่เรียกว่า Internal locus of control

และผมมองว่าเรื่องนี้สำคัญ มันสำคัญต่อวิธีคิดเราอย่างมากในการตัดสินใจทำอะไรต่างๆก็แล้วแต่ รวมถึงทัศนคติที่เราใช้มองคนอื่นด้วยเช่นกัน ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองเป็นแบบไหน ก็ลองย้อนกลับมาดูตัวเองตอนที่เห็นคนอื่นพัฒนาก้าวหน้าว่าเรามองเรื่องนั้นอย่างไรก็ดูออกแล้ว

ทุกวันนี้มันมีคนที่เที่ยวบอกคนนั้นคนนี้ว่าโชคดีจัง ทำไมเราเองไม่โชคดีอย่างนี้ ถ้าเรามีโอกาสเราก็เป็นแบบนั้นได้ เราขาดเงินทุน เราขาดนั่นขาดนี่ คนนั้นมีพื้นฐานดีเป็นทุนเดิม อะไรก็ตามแต่ สุดท้ายสิ่งที่เรายกมาทั้งหมดมันอาจจะเป็นข้ออ้างที่ตัวเองสร้างขึ้นเพื่อสร้างระยะห่างและให้ตัวเองรู้สึกว่ายังปลอดภัยก็ได้ไง

มันเหมือนกับคนที่บอกว่าตัวเองไม่มีหัวเรื่องเลข และคนอื่นก็อาจจะไม่มีหัวเรื่องศิลปะ และใครหลายคนก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละครับ เราสร้างอะไรก็ได้มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้เรารู้สึกสบายใจ และไม่ออกจากพื้นที่ปลอดภัยไปทดสอบตัวเองกับเรื่องนั้นๆ

ก็ทำงานกันแบบนี้ไง

ทำงานเหมือนทำงานกันไปวันๆ ใช้ชีวิตแต่ละวันในที่ทำงานให้มันหมดไป สิ้นเดือนก็รับเงิน แล้วมันจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเหมือนคนที่เขาบากบั่นทำงานไม่ลดละเจริญก้าวหน้ากันได้ยังไง ดูนาฬิกาหกโมงพอแล้ว หลังจากนี้ไม่คุยเรื่องงาน บนโต๊ะอาหารจะคุยเรื่องงานอะไรอีก ใครตามงานอะไรก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้

เราใช้เวลากันอย่างสุรุ่ยสุร่ายประหนึ่งเราเองมีเวลามากมาย ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งเดียวที่เราไม่สามารถมีเพิ่มขึ้นมาได้ ท้ายที่สุดพอแก่ตัวลงก็กลับมาเริ่มนั่งกังวลถึงเรื่องต่างๆหลายเรื่อง บางคนเจ็บปวดกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในอดีตแล้วก็ได้แต่นั่งคิดว่าตัวเองทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ในวันก่อนๆ .. แล้วทำไมต้องรอให้ความผิดพลาดมันเกิด ทำไมไม่ป้องกันตอนที่เรายังพอรู้สึกตัว ตอนที่เรายังไม่สายที่จะเปลี่ยนอะไร

ลึกๆ เราต้องการอะไร

สิ่งที่ทำให้เราไม่มีความสุข คือการปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง ปฏิเสธว่าลึกๆแท้จริงเราแล้วต้องการอะไร ช่วงปี 2020 ที่ผ่านมานี้มีคนรู้จักหลายคนเข้ามาถามว่ารับสอนเขียนโปรแกรมไหมอยากจะเรียน และทุกครั้งผมก็จะถามกลับไปว่าอยากจะเรียนเพราะอะไร

“ก็ดูเป็นงานที่ทำที่ไหนก็ได้ น่าจะทำเป็น side project ขำๆ จากงานประจำ”

“ก็น่าสนใจดี เดี๋ยวนี้เห็นใครๆเขาก็อยากเรียนกัน”

และอีกมากมายสารพัดซึ่งคุยไปคุยมาก็พบว่าจริงๆแล้วอยากจะเรียนเพื่อให้ได้เงินมากขึ้น แล้วทำไมถึงไม่บอกแต่แรกว่าอยากจะเรียนเพื่อเอาไปใช้หาเงิน หรือว่าสถานะทางสังคมมันตีกรอบเอาไว้ หรือกลัวว่าใครต่อใครจะ label เราไปในทางที่ไม่ดี.. มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยถ้าเราไม่กำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนแต่แรก กรณีนี้เช่นเดียวกันกับผู้สอน เกิดสอนแบบเน้นพื้นฐานเอาสนุกโชว์อะไรเจ๋งๆ แต่ใช้ประกอบวิชาชีพหารายได้ได้ไม่จริง ก็อาจจะถูกตำหนิติเตียนกล่าวโทษได้

หากเรายังปฏิเสธความรู้สึกความต้องการที่แท้จริงในใจแล้วจะเข้าใกล้เป้าหมายได้ยังไง หากใส่ใจกับฉากหน้าที่เอาไว้ให้คนเห็นว่าอื่นดูดี เป็นที่น่ายอมรับทางสังคม หรือเห็นแก่สถานะทางสังคมมากกว่าความฝันที่มี แล้วเมื่อไหร่เราจะไปถึงฝั่งฝัน

คนที่ไม่คิดจะทำอะไรเลยจะพูดอะไรก็ได้ นินทาว่ากล่าวสิ่งที่ใครคนอื่นทำมันเพี้ยน มันไร้สาระ ไม่น่าประสบความสำเร็จอย่างไรก็ได้ และคนที่ฟังก็แทบจะไม่ต้องสนใจหรือต้องพิสูจน์อะไรให้กับคนเหล่านั้นเห็นเลยก็ได้ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องไปพิสูจน์สิ่งต่างๆให้กับคนที่ไม่ศรัทธาในตัวเราเห็น

แรงจูงใจจากภายนอก

เราเลือกสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ หรืออยากได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อประโยชน์บางอย่าง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสนใจของตัวเองมากนัก เช่นกรณีอยากจะเรียนเขียนโปรแกรม เพื่อให้ได้เงินมากๆ เห็นตลาดขาดคนก็อยากจะมีทักษะด้านนั้น ไม่ได้ตรงกับสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ

แรงจูงใจจากภายใน

เราเลือกเพราะเราสนใจในสิ่งนั้นอย่างแท้จริง เรามีความต้องการที่จะเรียนรู้ ที่จะปรับปรุง ที่จะพัฒนาทุกสิ่งอย่างให้ดีขึ้นเพราะเราชอบและรักในการทำสิ่งนั้นจริง เช่นเราอยากจะเรียนภาษาญี่ปุ่น เพราะชื่นชอบวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น รักในความเป็นญี่ปุ่น ฯลฯ

แล้วเราเองล่ะมีความต้องการแบบไหน เป้าหมายของเรานั้นตรงกับความชอบความหลงใหลของเราหรือเปล่า หรือมันเป็นเพียงแค่ไม้หักปักเลน เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เห็นคนอื่นมีแล้วอยากมีบ้าง มันเป็นสิ่งที่เราต้องการลึกๆจริงๆ หรือมันอาจจะช่วยให้เราดูดีด้วยสถานะทางสังคมที่มีระดับเป็นที่น่านับถือจากคนอื่น

Fresh Start Effect ปีใหม่ก็แล้ว.. แล้วเราเป็นคนแบบไหนกัน

Happy New Year 2021

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ