ถ้าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันคือ SME แล้วทำไมเราถึงเรียกบริษัทเราเองว่า Startup ไม่ใช่ SME?

สิ่งสำคัญสำหรับคนกระตือรือร้นคือการทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ – Johann Wolfgang von Goethe

คำถามสำคัญ

หลักสูตรการเรียนการสอนจะไม่พัฒนาขึ้นมาได้เลย ถ้าผู้สอนไม่เปิดรับความคิดเห็นของผู้เรียนอย่างตรงไปตรงมา และเอาแต่ใช้เหตุผลต่างๆนาๆมาปกป้องตนเอง มันก็เหมือนกับที่เราแสดงออกหรือจะถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดออกมาแล้วมีคนตั้งคำถาม ซึ่งการตอบคำถามของเรานั้นจะอาจจะยกเหตุผลข้ออ้างมากมายมาตอบเหมือนเขื่อนที่กั้นน้ำเอาไว้

สมมติว่าเราลืม Ego ที่มี หรือเลิกยกข้ออ้างเหตุผลมาตั้งการ์ดป้องกันไปชั่วขณะ เราอาจจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้างที่ได้รับ feedback เรื่องการแสดงออกหรือความรู้สึกนึกคิดที่เราถ่ายทอดออกไป แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น เข้าใจว่าสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราทำไม่ได้ดีเหมือนที่เราคิดและเป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมันอาจจะเป็นข้อดีก็ได้ เพราะถ้าเราไม่เคยคิดว่ามันแย่หรือมันห่วยเลย การพัฒนาก็คงไม่เกิด เหมือนกับหลักสูตรการเรียนการสอนที่ไม่เคยก้าวหน้าไปไหน

ถ้าเรายังทำงานแบบเดิมทุกวันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วการทำงานในแต่ละวันของเราไม่ได้แตกต่างกับสิ่งที่คนอื่นทำ เราจะเป็นที่น่าสนใจหรือดึงดูด หรือกล้าพูดกับใครต่อใครได้อย่างไรว่าเราดีกว่าคนอื่นยังไง เราจะเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไรในเมื่อสิ่งที่เราทำไม่ได้แตกต่างกับใครเป็นหมื่นเป็นแสนเลยที่อยู่ในตลาด

SME หรือ Startup?

มันคงเป็นเรื่องตลกที่เรายังบอกอย่างเต็มปากว่าตัวเองเป็นบริษัท Startup ที่ทำงานในแต่ละวันไม่ต่างอะไรกับ SME หนำซ้ำผลประกอบการและตัวเลขทางการเงินอาจจะดูย่ำแย่กว่า SME ทั่วไปอีกด้วย เพราะเรามัวแต่หวังพึ่งคนอื่น หวังว่าสักวันจะมีนักลงทุนเข้ามาลงเงินในบริษัทของเรา หวังใช้เงินคนอื่นไม่ได้หวังว่าจะเลี้ยงตัวเองได้จากสิ่งที่เรามี เราสร้าง หรือเราขาย

งั้น SME ที่พออยู่พอกิน ก็คงดีกว่า Startup ที่อยู่กับความคาดหวังในอนาคต ไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป้าหมายเลื่อนลอย และประกอบธุรกิจทุกวันที่ไม่ต่างจากสิ่งที่คนอื่นทำหรือเปล่า? แล้วทำไมเราถึงเรียกตัวเองว่าบริษัท Startup ทั้งที่เราก็รู้ทั้งรู้ว่าเราไม่สามารถ scale, repeat หรือแม้กระทั่งมีโอกาสในการเติบโตหลายต่อหลายเท่าตามตำราที่เขาว่ากัน

ทำไมเราถึงอยู่แต่ในโลกของตัวเอง ได้ยินเสียงดีเจในหัวที่พยายามพูดกับตัวเอง อยู่กับความฝันและความคาดหวังในอนาคตโดยที่เราไม่ได้กระทำอะไรที่สามารถไปถึงตรงนั้นได้เลย เราเชื่อมั่นในตัวเองเกินเหตุจนมันแยกไม่ออกหรอกหรือว่าอะไรคือ ego และ passion

มันก็คงแปลกหรือตะขิดใจพอสมควรเวลาบอกใครต่อใครว่าเราเป็นบริษัท Startup และคิดว่าใครต่อใครเองก็พอจะบ่นพึมพัมออกมาได้ว่า “มันเป็น Startup ยังไง?” หรือเราเองก็ไม่ต่างจาก Wantrepreneur ที่มีแค่ไอเดียตลอดเวลาไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายก็ไม่ได้กระทำหรือสร้างสรรค์อะไรออกมา

ถ้าเป็นแบบนั้นเราคงไม่ได้โตขึ้นตามเวลาที่ล่วงเลยไปทุกวัน เราคงไม่สามารถเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่านี้ได้ในอนาคต เราคงไม่ได้เรียนรู้อะไรอย่างจริงจัง แต่กลับบอกหลอกตัวเองว่ามีผลงาน บอกและหลอกตัวเองว่าเราได้เรียนรู้และโตขึ้น

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ