นักวิจัย

ผมชอบช่วงเวลานึงที่ตัวเองมี deadline ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ แต่มันเหมือนเป็นช่วงที่บังคับให้ตัวเองโฟกัสแต่สิ่งๆ เดียวเป็นตัวสำคัญในแต่ละวัน มันช่วยให้เราลืมเรื่องทุกข์เรื่องสุข ลืมเวลาที่ต้องใช้กับสิ่งที่ต้องคิดไปในแต่ละวัน มันเหมือนกับนักวิจัยที่ฝังตัวอยู่แต่ใน lab ลืมเวลาทานข้าว ลืมเวลากลับบ้าน แล้วก็ลืมปัญหาต่างๆไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง

แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้ปัญหาต่างๆ หรือเรื่องราวต่างๆ ที่เราไม่ได้สะสางหายไป มันแค่ประวิงเวลาเหมือนช่วยให้เราเองในวันที่ยังไม่พร้อมจะทำ หรือตัดสินใจอะไรได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักแล้วอยากทำมากขึ้น บางทีแค่ช่วงเวลานึงที่เราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ก็อาจจะมากพอที่จะกล้าทำอะไรที่ไม่อยากทำ หรือพร้อมพอที่จะเจอเรื่องราวในแต่ละวันต่อไปได้

แต่อย่างนึงคือเรามักจะมีความคิดสวนทางกับตัวเองเป็นระยะๆ ว่าเราไม่อาจทำสิ่งที่อยากทำตลอดไปได้ อาจจะเป็นเพราะโตขึ้น ภาระมากขึ้น มีสิ่งที่ต้องผูกพันธ์รับผิดชอบมากขึ้น หรือจะเป็นอะไรก็ตามแต่ มันไม่ได้รู้สึกเหมือนเราเพิ่งเกิดมาแล้วไร้พันธนาการอยากจะทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ

การทำงาน หรือทำสิ่งที่เรารักด้วยความมุ่งมั่นแบบแรงกล้านั้นเลยเกิดยากขึ้น

ซึ่งผมอาจจะผิดพลาดในเรื่องนี้ก็ได้ หลายคนอาจจะทึกทักบอกว่าคิดมากเกินไป ทำตัวเป็นไม้บรรทัดกับตัวเองเกินไป ก็คงแล้วแต่ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราทุกคนก็ปฏิบัติตามความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ตัวเองอยู่ในแต่ละวัน ผมคงไปมองใครคนอื่นแล้วบอกว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่ไม่ได้เข้าใจเรื่องทางกายและทางจิตใจอย่าลึกซึ้ง ก็คงจะใจร้ายเกินไปสักหน่อย

deepwork

หลายครั้งที่อ่านค้นคว้าหาข้อมูลคนเก่งๆที่มีมรดกต่อโลก มักจะอยากรู้ว่าเขาทำงานยังไง แรงจูงใจคืออะไร ทำยังไงให้สร้างสรรผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันที่เหนือกว่าผลงานทั่วไป เขามีเทคนิคอะไร นอนยังไง แบ่งเวลายังไง เพื่อที่อย่างน้อยจะได้ลองหา template มาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองบ้าง

ปัจจัยนึงที่มักจะพบเหมือนกันคือการทำงานแบบ deepwork ที่ใครหลายคนมักจะปลีกวิเวกหายไปช่วงนึงใหญ่ๆ เพื่อคิดค้นหรือสร้างงานที่แสนวิเศษขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นนิวตันตอนคิดแคลคูลัส ไอสไตน์ตอนคิดทฤษฏีสัมพันทภาพทั่วไป, คาร์ล จุง, บิล เกตต์, ปิกัสโซ่ และอีกมากมาย

ส่วนตัวเลยมองการทำงานหรืออะไรก็ตามแบบ deepwork เป็นเหมือนลัทธิ และมีสิ่งรบกวนเป็นเหมือนศัตรูตัวฉกาจ ยิ่งเราโตขึ้นภาระมากขึ้น การตัดสิ่งรบกวนให้หมดไปคงเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เราตัดสินใจได้ เราก็ควรเลือกทางที่มีสิ่งรบกวนน้อย หรืออาจรบกวนเราน้อยในอนาคต

เพราะสิ่งที่เราเป็นอยู่วันนี้ ล้วนมาจากการตัดสินใจในอดีต

บางทีถ้าเราให้ความสำคัญกับการตัดสินใจวันนี้ สิ่งที่เราจะเป็นอยู่ในวันข้างหน้าอาจจะดีขึ้นก็ได้

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ