แล้วเมื่อไหร่

โดยทั่วไปแล้ว ผมเป็นคนที่ต้องการความชัดเจนพอประมาณ เพื่อจะได้รู้และวางแผนจัดการเวลาของตัวเองและเรื่องอื่นๆ ผมเชื่อว่าการนัดเวลาล่วงหน้า หรือกำหนดการทุกอย่างล่วงหน้าจะช่วยให้ productivity ของเราในแต่ละวันสูงขึ้น แล้วมีเวลาทำเรื่องอะไรต่ออะไรได้มากขึ้นจากการแบ่งทุกอย่างเป็นสัดเป็นส่วน เหมือนกับของใช้ โต๊ะทำงาน ฯลฯ ที่เราแทบไม่ต้องใช้เวลานึกถึงเลยว่าอยู่ตรงไหน อยากจะหยิบใช้เมื่อไหร่ เพราะมันเกิดความเคยชินจากการจัดสรรปันส่วนสิ่งต่างๆ

และเราเองก็จะมีคำถามขึ้นมาทันทีกับสิ่งที่ดูเหมือนไม่สมเหตุสมผล หรืออยู่ผิดที่ผิดทาง โดยเฉพาะอะไรที่เราสามารถเปลี่ยนแปลง หรือจัดการกับมันได้ ผมก็จะย้ายมันหรือจัดการมันให้เข้าที่เข้าทางไปในตอนนั้นเลยจะได้จบๆ ไม่ต้องมาเสียเวลานึกคิดถึงมันอีก

ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องที่เจอในชีวิตประจำวัน หรือการตัดสินใจของเราก็จะออกผลลัพธ์ไปเลย หรือตัดสินใจไปเลย ไม่พยายามให้มันกำกวมมาเป็นเรื่องที่ต้องวุ่นวายใจอีกในอนาคต แต่ก็มีบางเรื่องที่เราแทบไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง จะอยู่ตรงไหน ใช้เวลาอีกเท่าไหร่ แล้วมันจะทำให้เราไปอยู่จุดไหนใน 1 เดือนข้างหน้า 6 เดือนข้างหน้า 1 ปีข้างหน้า หรืออีก 3 ปีข้างหน้า

when

มันอาจจะดีแบบดีมากๆ หรือแย่แบบแย่มากๆ ออกได้ทุกหน้าโดยที่เราไม่มีความมั่นใจในคำตอบอะไรเลย มันต่างกับการทำบริษัทซอฟแวร์บริษัทแรกมาก รับงานเป็นโปรเจค ทำงานให้ทัน แบ่งงานให้เป็นระบบระเบียบ หาลูกค้ารับงานใหม่ เราก็ยังพอประมาณการอะไรได้บ้าง คาดเดาอนาคตสั้นๆ 1-3 เดือนข้างหน้าพอได้บ้างว่าบริษัทจะเป็นยังไงไปอยู่ตรงจุดไหน อย่างน้อยมันก็มีภาพมีอะไรปะติดปะต่อเองได้ พอรู้ได้ว่าเราจะทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ทุกอย่างก็พออยู่ในการควบคุมภายในเองให้อุ่นใจได้บ้าง

แต่สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เลย ไม่เคยแน่ใจอะไรว่า 1 อาทิตย์ข้างหน้า 1 เดือนข้างหน้า หรือปีหน้าจะเจออะไร ไปอยู่ตรงจุดไหน ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาในการพยายามแบบหนักหนาอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน มันเหมือนการวิ่งมาราธอนที่ไม่รู้ว่าเส้นชัยอยู่ตรงไหน จุด checkpoint หน้าคืออะไร มั่นใจได้มากน้อยแค่ไหน หรือแม้แต่ให้ตอบจริงจังว่าเส้นทางที่เดินอยู่นี้มาถูกทางหรือเปล่า แทบไม่มีความมั่นใจอะไรเลย เพราะมันไม่มีหลักเกณฑ์อะไรให้ตัดสินใจหรือยึดนำมาใช้

สิ่งที่ทำได้แน่ๆ คือทำทุกวันให้เต็มที่ เท่าที่ความสามารถของตัวเองจะทำได้ เปิดรับโอกาสทุกอย่างที่วิ่งเข้ามาแล้วลองใช้เวลาดูว่าดีหรือไม่ดี คุ้มหรือไม่คุ้ม จนรู้สึกว่าที่เหนื่อยจริงๆ คือเหนื่อยที่ต้องทำให้ตัวเองพร้อมตลอดเวลาในแต่ละวัน กลัวว่าจะมีอะไรดีๆ เข้ามาแล้วเป็นเราเองนั่นแหละที่ไม่พร้อม และทำโอกาสแบบนั้นหลุดลอยไป

โอกาสเป็นของคนที่พร้อม แต่บางทีคนที่พร้อมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาส หรือจะรู้ได้แน่ใจยังไงว่านั่นคือโอกาสจริงๆ หรือแค่สิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ