กลับไปเริ่มเดินทางใหม่

ความซื่อสัตย์เป็นของขวัญราคาแพง อย่าคาดหวังมันจากคนราคาถูก – Warren Buffet

quote คำพูดนี้น่าสนใจครับ ความน่าสนใจของมันมีสองอย่างคือ หนึ่งผู้พูดประโยคนี้เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกและมี mindset ด้านการเงินการลงทุนแบบยั่งยืนไม่ฉาบฉวย และสองคือเราจะนึกถึงประโยคนี้และอินกับมันเมื่อเรารู้สึกแบบนั้น หรือโดนกระทำบางอย่างมาแบบนั้นจริงๆ

mindset หรือวิธีคิดของ Buffet เป็นที่ยอมรับกันมานานแล้วว่าเป็นนักลงทุนที่มองการณ์ไกล การเป็นคนที่มองการณ์ไกลช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้เป็นแบบอย่างได้ว่าเราไม่ควรวางแผนอะไรระยะสั้นหรือตื้นเกินไปเพราะมันมีความเสี่ยงและไม่ยั่งยืน

สิ่งที่เป็นประโยชน์ในอนาคต หรือภาพขายฝัน

นอกจากการมองการณ์ไกลและวางแผนระยะยาวแล้ว ความจริงใจในการดำเนินธุรกิจก็ควรเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของการให้บริการ แต่ผู้คนสมัยนี้มักจะนำสิ่งที่ตัวเองทำแล้วคิดว่าดูดีเพื่อสังคม หรืออะไรก็ตามแต่มาอ้างว่าเป็นปณิธานที่อยากให้เกิดขึ้น และดันกล่าวว่าเป็นสิ่งที่บริษัทตั้งมั่นว่าจะทำ

แต่การทำเพื่อสังคม หรือภาพลักษณ์ที่ดี ไม่ใช่ปณิธานที่ดี

set-zero

ปณิธานที่ดีควรเป็นสิ่งที่บริษัทตั้งมั่นว่าจะทำในวันที่ก่อตั้งขึ้นไม่ใช่เหรอ? มันควรจะเป็นสิ่งที่ทุกคนพึงละลึกอยู่ในใจว่าเราสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาทำไม เราทำงานทุกวันเพื่อให้เกิดอะไร ภาพใดที่เราอยากจะให้เป็น อยากให้คนอื่นเห็น อยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ฯลฯ

ปณิธานที่ดีคือความมุ่งหวัง หรือสิ่งที่คนในองค์กรตั้งใจทุ่มเทแรงกายแรงใจพยายามทำให้มันเกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยหรือมีโอกาสสำเร็จเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยินดีที่จะลองผิดลองถูกเพื่อให้ได้มันมาหรือเปล่า และถ้าผู้นำองค์กรไขว้เขวมองเห็นการเติบโต หรือผลประโยชน์ระยะสั้น หรือผลประโยชน์ส่วนตนมาก่อนความถูกต้อง แล้วแบบนั้นองค์กรจะอยู่รอดได้ยังไง องค์กรจะเป็นที่จดจำ หรือเป็นไปตามพันธกิจที่ก่อตั้งขึ้นมาได้อย่างไร?

การลุ่มหลงเพราะไม่รู้ กับการหลงผิดในผลประโยชน์ส่วนตน

ผมว่าสิ่งที่น่ากังวลสำหรับบริษัทตั้งใหม่สมัยนี้ คือการที่ผู้นำองค์กรคิดถึงการได้ผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าความมุ่งมั่น พันธกิจ และความถูกต้อง

การลุ่มหลงเพราะไม่รู้ หรือไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่ใหญ่โตอะไร อาจนำมาซึ่งเรื่องผิดพลาดที่ใหญ่กว่าในอนาคต จนท้ายที่สุดก็ทำผิดแบบนั้นโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ จนบางทีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรู้ทั้งรู้ว่ามันผิด มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หรือขัดกับสิ่งที่เราได้รับความไว้ใจ เชื่อใจ หรือผิดต่อพันธสัญญาที่มีต่อกัน แต่ก็ยังทำลงไป

ถ้าผลประโยชน์ส่วนตนมันใหญ่มากพอที่จะบังตาให้หน้ามืดตามัวตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปขนาดนั้น แล้วเราจะฝืนนำองค์กรต่อไปแบบนั้นให้คนอื่นที่อยู่ข้างในเกิดความรู้สึกไม่ดีทำไม หรือบางทีคนเหล่านั้นกลัวเกินไปที่จะรับผิดชอบ กลัวเกินไปที่จะหมดการยอมรับ กลัวเกินไปที่จะสูญเสียสถานะทางสังคม.. หรือกลัวที่จะยอมรับ ego ของตัวเองในวันก่อนๆ

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ