รักษาสมดุล

สิ่งที่ยากของการเป็นเจ้าของกิจการอีกอย่างนึง คือการรักษาสมดุล นี่อาจเป็นสิ่งที่เราอาจจะเคยคิดผ่านๆ อาจจะพอนึกภาพว่าวันใดวันหนึ่งมันต้องมาถึง และอาจจะนึกไปเองว่าน่าจะรู้สึกยังไง หรือเป็นยังไงเมื่อช่วงเวลานั้นกำลังจะเข้ามา แต่สิ่งที่นึกคิดกับสิ่งที่พบเจอบางทีอาจจะต่างกันออกไปเลยก็ได้

มันอาจจะต่างเพราะเราเข้าถึงความรู้สึกเหล่านั้นได้ไม่ดีเท่ากับตอนที่ต้องพบเจอจริงๆ

ก็เหมือนกับเมื่อก่อนที่เราคอยบอกเพื่อนพี่น้องผู้ประกอบการโรงแรมที่ต้องเอาคนออกช่วงโควิด ได้แค่ให้กำลังใจ แสดงความเห็นอกเห็นใจ และพยายามจะเข้าใจคนเหล่านั้น เราพยายามนึกภาพตามว่าเขาจะรู้สึกยังไง และคิดว่าเราเข้าใจความรู้สึกนั้นๆ แต่เปล่าเลย.. เรื่องนี้มันสอนให้ผมรู้ว่าการที่เราพยายามเอาตัวเองไปเข้าใจคนที่รู้สึกแบบนั้น กับตอนที่เราเจอบ้างจริงๆ ความรู้สึกนึกคิดมันคนละเรื่อง

การรักษาสมดุลในองค์กรนี่ก็เหมือนกัน เมื่อก่อนตอนเป็นพนักงานประจำอยู่ที่อื่น เราคงได้แต่นึกภาพคร่าวๆ ว่านายเราตัดสินใจอะไรเพราะอะไร เขาต้องคิดอะไรแบบไหนถึงพูดหรือถึงทำการกระทำอะไรต่างๆ ออกมา เราพยายามจะเรียนรู้จากสิ่งที่เราเห็น เราได้ยิน แต่นั่นมันไม่ใช่ความรู้สึกของเรา จนเรามารู้ทีหลังว่าเราเข้าใจสิ่งต่างๆ แค่เพียงผิวเผินก็ตอนที่เราต้องเป็นผู้นำองค์กรจริงๆ

การรักษาสมดุลที่ว่านั้นก็ไม่ได้หมายถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเป็นเพียงแค่เรื่องเดียว

บางครั้งเราต้องชั่งใจระหว่างความถูกต้อง หรือความตรงไปตรงมากับบรรยากาศภายในทีม ต้องรักษาสมดุลเพื่อนพี่น้องแต่ละคนท่ีแวะเวียนเข้ามาทำงานกับเรา สนิทกับเรา จนบางครั้งความสนิทนี้เองก็อาจจะกลายเป็นปัญหา หรือเป็นเรื่องหนักใจที่ทำให้เราต้องพูดเตือนใครต่อใครไปด้วย

แต่การจะพูด จะกระทำอะไรสักอย่างก็ต้องรักษาสมดุลด้วยเหมือนกัน แข็งไป อ่อนไป ความรู้สึกนึกคิดของคนแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน การตีความหมาย การคิดเล็กคิดน้อย หรือความเข้าใจที่ไม่ได้เหมือนกันเท่ากันเสมอไปก็ส่งผลให้ทำงานในอนาคตได้ยาก เราจะเที่ยงตรงกับทุกเรื่องให้เหมือนทุกคนเป็นหุ่นยนต์ก็คงได้ แต่ถ้าถามว่ามันจะทำให้บรรยากาศภายในที่ทำงานนั้นโอเคมั้ยก็เป็นอีกเรื่อง

เราจะมีใจให้ใจและใจๆ กับเพื่อนพี่น้องที่ทำงานกับเราเสมอก็คงทำได้ แต่ถ้าถามว่าพอถึงจุดนึงเป็นจุดที่น้ำท่วมปาก หรือทำอะไรตะขิดตะขวงใจขัดกับผลลัพธ์ที่เราต้องการเรา เราจะจัดการได้ไหม ก็คงทำได้ แต่คงลำบากใจมากเหมือนกัน

เราต่างเก่งกับบริษัทของคนอื่น เวลาใครมาแชร์ว่าอะไรเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ในองค์กรของตน บางทีเราก็ให้ความคิดเห็นแบบคนนอก แบบคนตรงไปตรงมาไม่ได้แคร์อะไรกับคนอื่นๆ ที่เราไม่ได้รู้จักในองค์กรนั้นๆ แต่ถ้าถามว่าคนที่เล่าให้ฟังลำบากใจไหม รู้ไหมว่าต้องทำอะไรให้ถูกต้อง บางทีมันรู้ทั้งรู้นะ แต่ความสนิทชิดเชื้อกลับทำให้เราเกรงใจ เห็นใจ และไม่ได้ตัดสินใจอย่างที่มันควรจะเป็น

เรื่องที่ยากไม่ใช่เรื่องเนื้องานที่ทำ เรื่องที่เหนื่อยไม่ใช่เรื่องงานที่มีปัญหาเยอะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลอาจเป็นเรื่องคน กับความรู้สึกนึกคิด และการติดสินใจของเราเองนี่แหละ ที่น่าจะเป็นเรื่องยุ่งยาก

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ