GRIT – พรสวรรค์ กับ พรแสวง สิ่งใดกันเล่าที่จะนำพาให้สำเร็จ

“การจะทำสิ่งใดก็ตามให้ดีเลิศ เราจำเป็นต้องท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง” เพื่อที่จะได้เห็นคุณค่าของ “การทำบางสิ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสิ่งที่เราไม่ได้เก่งกาจโดยธรรมชาติกลายเป็นธรรมชาติของเรา” – หนังสือ GRIT โดย Angela Duckworth

หนังสือที่ชื่อว่า GRIT – The power of passion and perseverance เป็นหนังสืออีกเล่มที่ผมชื่นชอบมากที่สุดเล่มนึงหลังอ่านจบจนอยากหยิบมาเขียนเป็นบทความ ในหนังสือเล่มนี้จะเล่าถึงจิตวิทยา ความสำเร็จ การพยายามอย่างหนัก และบทวิจัยที่อัดแน่นไปด้วยทฤษฏีความรู้ต่างๆ จาก ดร. แองเจล่า ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและจิตวิทยา

เราจะได้อ่านการทดลองที่น่าสนใจหลายอย่างที่ผู้เขียนทำการสำรวจและเก็บข้อมูลมาเป็นเวลานานเกี่ยวกับปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของมนุษย์ และค้นหาว่าอะไรคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่สามารถพาคนธรรมดาคนนึงไปสู่นักกีฬาชั้นแนวหน้าของโลก มหาเศรษฐี หรือแม้แต่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมาย

grit-the-power-of-passion-and-perseverance

เรามักจะให้ค่ากับคำว่า พรสวรรค์ และคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ติดตัว “ใคร” บางคนมาโดยกำเนิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถฝึกฝนคนอื่นๆให้เก่งได้แบบนั้น หรืออย่างน้อยก็ยากมากที่จะเป็นแบบนั้น แต่หนังสือเล่มนี้จะให้แง่คิดอีกมุมนึงที่เราอ่านแล้วจะพบว่า พรแสวง นี่แหละที่จะช่วยให้เราเป็นอย่างที่เราต้องการจะเป็นได้ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนอีกหนึ่งแรงกระตุ้นดีๆ ที่ช่วยให้เรามีกำลังใจในการทำสิ่งต่างๆ ซ้ำๆไปเรื่อยๆ จนทำให้เรากลายเป็นคนที่เราต้องการจะเป็น

“พรแสวง” มักเกิดจากความทรหดอดทนมุมานะ ความพยายามอย่างไม่ย่อท้อไม่ล้มเลิก ประกอบกับการทำซ้ำลงไปแบบเดิมทุกวันๆ จนให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดหวังตามมา

หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงการทดลอง และคำที่เป็น buzzword ที่ใครหลายคนเคยได้ยินอย่าง “กฏ 10,000 ชั่วโมง” ที่ Malcolm Gladwell ผู้เขียนหนังสือชื่อดังนำไปใช้หลายๆที่รวมถึงหนังสือของเขาเองในชื่อ Outliers ด้วยเช่นกัน

อีกหนึ่งข้อความที่ส่วนตัวแล้วผมชื่นชอบมากเป็นพิเศษในหนังสือนี้นั้นเล่าประมาณว่า นักกีฬาโอลิมปิกส่วนใหญ่ ไม่ได้ชอบช่วงเวลาที่เขาฝึกซ้อมหรอก คุณอาจจะเห็นเขามาทำแบบเดิมซ้ำๆ ตื่นเช้าขึ้นมาซ้อมตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ทำกิจวัตรประจำวันแบบเดิมทุกวัน ซึ่งแน่นอนหลายคนบอกว่าน่าเบื่อ เหนื่อยและหนัก แต่เขาทำไปต่อเนื่องเรื่อยๆ เพราะพวกเขาชื่นชอบช่วงเวลาที่เขาชนะ ชอบช่วงเวลาที่เขาได้รับรางวัลและเห็นผลจากการทำงานหนักในตอนสุดท้ายต่างหาก

ส่วนตัวแล้วผมว่า GRIT เป็นหนังสือที่กระตุ้นให้กำลังใจและถ่ายทอดความรู้ได้ดีมาก คุณจะได้เห็นการทดสอบมากมายเชิงวิทยาศาสตร์ การสรุปแบบเข้าใจง่ายและแนะนำวิธีที่ควรจะเป็นได้อย่าตรงไปตรงมา มันเป็นหนังสือที่ให้คุณย้อนกลับมาดูความเป็นจริง เลิกมองปัญหาแล้วเพียงแค่บอกว่า “สู้ๆนะ” หรือ “น่าเห็นใจ” เพราะมันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ในโลกของประสาทวิทยาและไม่ได้ช่วยให้อะไรๆดีขึ้น

พอได้หยิบขึ้นมาอ่านทีไรก็เหมือนรู้สึกได้เติมเชื้อไฟให้กับชีวิตวัยกลางคนที่บางครั้งเรารู้สึกเหนื่อยและท้อคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ หรือไม่มีความสามารถมากพอจะจัดการกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

แต่กระนั้นเอง ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าเราชื่นชอบคนที่มีความพยายามอย่างสูงมากมายแค่ไหนก็ตาม การตัดสินใจของเราแทบทุกครั้งมักจะเอนเอียงไปหาคนที่เราคิดว่ามีพรสวรรค์ หรือเก่งมาแต่กำเนิด โดยที่บางทีเราก็แทบจะลืมไปว่าผู้คนเหล่านั้นอาจจะไม่ได้มีมาตั้งแต่แรกก็ได้ เขาอาจจะใช้เวลามากมายเพื่อฝึกฝนจนมาถึงทุกวันนี้ แต่เราแค่ไม่ได้เห็นช่วงเวลายากลำบากของคนเหล่านั้น เพราะบางทีเรามัวแต่คิดถึงแต่ตัวเอง

เราอาจจะบอกว่า Michael Phelps (นักกีฬาว่ายน้ำเหรียญทองโอลิมปิกผู้เป็นหนึ่งในนักว่ายน้ำที่ดีที่สุดในโลก) นั้นเก่งมากมีพรสวรรค์จากครั้งแรกที่เห็นทางโทรทัศน์ แต่แท้จริงแล้ว เฟ็ลปส์ มีวินัยในการซ้อมอย่างเคร่งครัด ซ้อมแบบเดิมทุกวัน ทุ่มเทอย่างหนักจนแทบจะบอกได้ว่ามาจากพรแสวง

ใครที่ไม่ชอบการอ่าน สามารถดู TED Talk ของ Angela Duckworth เพื่อสรุปเรื่อง GRIT หรือความทรหดได้ในวิดีโอข้างล่างนี้ครับ

สุดท้ายแล้วผมว่าหนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งที่ให้แง่คิดได้ดี มีเหตุมีผล และกระตุ้นให้เราอยู่ในเส้นทางที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ อ่านดูแล้วไม่ผิดหวังเลยครับ

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ