ช่วงเวลาที่ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องคิดอะไร

ช่วงเดือนที่ผ่านมาผมมีงานใหญ่อยู่สองตัวถือในเวลาเดียวกัน มันเป็นงานที่ต้องทำตามขั้นตอนอย่างจริงจัง ทำให้ผมต้องมานั่งทำงานออกแบบเสียเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเวลานี้ แล้วพวกงานออกแบบทั้งหลายเนี่ยถ้าใช้เมาส์ในการทำงานจะสะดวกกว่าการลาก touchpad มาก ทั้งเร็วกว่าแม่นยำกว่า ฉะนั้นการที่ผมจะออกเอางานไปทำที่ร้านกาแฟในทุกวันมันจะต้องเพิ่มความลำบากขึ้นมาอีกนิด เลยมานั่งคิดดูแล้วว่าเอาคอมไว้บ้านเนี่ยง่ายสุด ออกไปนั่งกินกาแฟ หรือซื้อกาแฟกลับมาแปปเดียวก็น่าจะเข้าท่ากว่า

ปรกติออกไปร้านกาแฟก็จะเอาคอมขึ้นมานั่งทำงาน ส่วนใหญ่เวลาเฉลี่ยที่อยู่ร้านกาแฟวันนึงก็น่าจะราวๆ 1.30 – 2 ชั่วโมง

แรกๆ ก็ซื้อกาแฟกลับมากินที่บ้าน แล้วก็นั่งทำงานหน้าจอคอมต่อโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอทำไปสักพักเริ่มรู้สึกล้า เหมือนการทำงานมันตื้อๆ ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เจอผู้คน แค่ออกไปกินข้าวซื้อกาแฟมันเหมือนกับวันทั้งวันผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรนอกจากงาน(บางวันดีหน่อย ออกไปวิ่งช่วงเย็น) แต่หลักๆ แล้วรู้สึกเหนื่อยกับงานที่ถือมาก อาจจะเป็นเพราะเครียดคิดว่าจะปั่นงานไม่ทันด้วยก็เป็นไปได้ เลยเปลี่ยนวิธีใหม่ คือออกไปกินข้าว แล้วนั่งร้านกาแฟสักแปปนึงสัก 10-15 นาทีน่าจะดีกว่า อย่างน้อยๆ สมองก็ได้รู้สึกว่าพักผ่อนแล้วก็ไม่รู้สึกจดจ่อจนคิดงานไม่ออก

พอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เกือบ 2 อาทิตย์ติด คือออกไปร้านกาแฟช่วงบ่ายสองบ่ายสามโดยที่ไม่เอาคอมไปนั่งทำงานด้วยกลับรู้สึกว่าสดชื่น พร้อมที่จะกลับมานั่งทำงานมากกว่าปรกติ ที่ต้องคิดแต่ว่าจะออกไปซื้อของซื้อกาแฟแล้วเอามานั่งดื่มทำงานไปในเวลาเดียวกัน มันเหมือนเป็นช่วงเวลาของเราเองจริงๆ ในวันหนึ่งวันที่ได้พักผ่อน ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอะไร แค่นั่งเฉยๆ มองออกไปข้างนอก ไม่ต้องหยิบจับอะไรทั้งนั้น แค่นั่งมองอะไรก็ได้ ปล่อยเวลาไหลไปเฉยๆ ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะเสียเวลาในคราวเดียวกันนั่นแหละ

แต่มันกลับทำให้ตัวเองรู้สึกดี รู้สึกสดชื่น พร้อมจะกลับไปเริ่มทำงานต่อ แล้วสุดท้ายงานก็เดินไหลไปเรื่อยๆ ไม่เหมือนกับนั่งจ้องหน้าคอมนานๆ กับความคิดตันๆ

กรุงเทพมหานคร

เลยนึกถึงเทคนิคนึงที่ชื่อว่า pomodoro มันเป็นเทคนิคสำหรับการเพิ่ม productivity ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งๆ ที่ตอนแรกผมอ่านแล้วก็ยังงงว่ามันจะไปเพิ่มได้ยังไง ในเมื่อเวลาปรกติก่อนที่จะรู้จักเทคนิคนี้ คนนั่งทำงานหน้าคอม 2 ชั่วโมงก็จะต้องได้งานที่มากกว่า คนนั่งทำงานสัก 40 นาที พัก 5 นาที ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในเวลาที่เท่ากัน สรุปแล้วเลยลองนำมาใช้โดยเอาซอฟแวร์มาช่วยในการจับเวลา พอครบ x นาที ก็ให้มันหรี่จอลงแล้วก็บอกให้เราไปพักสัก 5-10 นาทีอะไรก็ว่ากันไป แล้วพอทำครบกี่รอบก็อาจจะได้พักนานหน่อยอะไรแบบนี้

ตอนแรกที่คิดคือ งานมันจะต่อเนื่องได้ไงวะ ถ้ากูนั่งเขียน code อยู่อีก 2 บรรทัดจะเสร็จอยู่ละ กลับถึงเวลาต้องไปพัก อะไรแบบนี้จะ makesense หรอเนี่ย แต่ถ้าห้ามตัวเองให้ทำตามที่ซอฟแวร์มันบังคับได้ กล่าวคือถ้ามันบอกให้พักก็คือไปพัก จะเข้าห้องน้ำ หาไรทานเล่นสัก 5 นาทีแล้วค่อยกลับมาที่โต๊ะนั่งทำงานต่อ มันก็น่าแปลกที่ทำให้เราไม่ล้าจากการทำงานจนเกินไป ยิ่งใครที่เป็นฟรีแลนซ์ หรือทำงานเองตลอดกลางวันกลางคืนแบบผมเนี่ยเทคนิคนี้ช่วยได้พอสมควรเลย

สุดท้ายกลับมาติดใจนั่งนึกระหว่างกินกาแฟอยู่ว่าจริงๆ ออกมาแบบไม่ต้องเอางานมาทำด้วยเนี่ยก็รู้สึกมีชีวิตมากขึ้นกว่าเดิมอยู่เหมือนกันนะ ถึงแม้ในใจมันอาจจะพะวงเรื่องงาน หรือลูกค้าติดต่อมาบ้าง แต่ก็ได้รู้สึกถึงสิ่งแวดล้อมข้างๆ หรือสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในร้านกาแฟมากขึ้น อาจจะทำให้รู้สึกได้คิดทบทวนเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตัดสินใจเรื่องบางเรื่องได้ง่ายขึ้นเพราะเราใช้เวลาอยู่กับเรื่องนั้นจริงๆ โดยที่ปราศจากสิ่งรบกวนที่ห้ามไม่ได้โดยร่างกาย

ทุกวันนี้ผมออกไปนั่งดื่มกาแฟตอนบ่าย นั่งเฉยๆ คิดอะไรไปเรื่อยวันละครึ่งชั่วโมงในร้านกาแฟที่ช่วงเวลาคนน้อยๆ ไม่ต้องได้ยินเสียงดังจากผู้คนมากมาย แค่นั่งเฉยๆ มันก็ทำให้รู้สึกพร้อมอยากกลับมานั่งทำงานต่อ แล้วก็รู้สึกดีอยู่เหมือนกันนะ

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ