เมื่อใจเกิดอยากได้ Leap Motion

รีวิว Leap Motion ฉบับคนทั่วไป

มเองทำงานอยู่ในสายงานคอมพิวเตอร์อยู่แล้วเป็นทุนเดิม แล้วก็สนใจในเรื่อง gadget เองอยู่พอสมควร มีได้เข้าไปอ่านรีวิวของต่างประเทศบ้างเป็นบางครั้ง เนื่องจากเป็นโปรแกรมเมอร์ อะไรๆ ที่เป็นของเล่นไฮเทคเหล่านี้ก็ย่อมเป็นที่สนใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะมี gadget สักกี่ตัวที่ต้องยอมเสียเงินซื้อมาทดลองเล่นแทนที่จะอ่านรีวิวแบบทั่วไป

Leap Motion คือหนึ่งในนั้นครับ

leap-motion-ems

leap-motion-box

เอาเข้าจริงๆ Leap Motion นั้นก็ออกมาสู่ท้องตลาดได้นานพอสมควรแล้ว และผมเองก็ติดตามข่าวสารอยู่บ้าง ตอนแรกก็ไม่เกิดความอยากที่จะซื้อมาเท่าไหร่ จนมาเจอพี่ที่รู้จักท่านนึงสั่งซื้อ gadget ออกใหม่สดๆ ร้อนๆ มาเล่น และผมเองก็ได้ทดลองเล่นอยู่บ้างจนได้รู้ว่า “เห้ย gadget พวกนี้แม่งเจ๋งว่ะ” ตัวที่เล่นของพี่ที่รู้จักนั้นเป็นตัวที่ชื่อว่า Myo ครับ รายละเอียดก็หาอ่านดูภายในเว็บไซต์ของเขาเองแล้วกัน

leap-motion-unbox

leap-motion-card

พระเอกวันนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Leap Motion ที่ผมสั่งซื้อข้ามน้ำข้ามทะเลมา ใช้เวลาจัดส่งประมาณ 2 อาทิตย์โดย DHL แล้วส่งผ่านมือมาให้ไปรษณีย์ไทยเป็นคนรับช่วงต่อ ช่วงที่สั่งเป็นช่วงคริสมาสต์พอดี ซึ่งได้โปรโมชั่นจัดส่งฟรีก็ถือว่าค่อนข้างโอเค(ราคาสินค้า 99 เหรียญ) ปรกติค่าขนส่งจะอยู่ราว 10 ~ 20 เหรียญ แล้วแต่ประเภทการส่ง เมื่อของมาถึงก็ไม่รอช้าที่จะแกะมาทดสอบ

leap-motion-controller

leap-motion-controller-2

พัสดุห่อหุ้มมาค่อนข้างดี มีฟองน้ำกันกระแทกให้ด้านใน ตัวสินค้าถูกห่อมาในพลาสติกที่ฉีกด้วยมือไม่ได้(ไอ้นี่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร) หลังจากชำแหละออกมาก็จะเจอกล่องที่ดูเหมือนจะมอมแมมนิดหน่อยตามภาพ แต่ตัวกล่องก็ไม่มีรอยบุบ หรือชำรุดแต่อย่างใด ในกล่องจะประกอบไปด้วยตัว controller พร้อมกับสาย USB ขนาดประมาณ 30 ซ.ม. หนึ่งเส้น, USB ขนาดความยาวประมาณเมตรครึ่งอีกหนึ่งเส้น แค่นั้นครับ

ก่อนเริ่มต้น ก็จะเจอพลาสติกกันรอยบอกว่าให้โหลดตัว setup จากหน้าเว็บไซต์

leap-motion-back

leap-motion-usb

leap-motion-usb-2

ขั้นตอนการ setup ก็ง่ายๆ เหมือนกับการตั้งค่าจอยเกมส์ หรือเมาส์อะไรทำนองนั้น ซึ่งก็ไม่ได้ถ่าย หรือบันทึกอะไรไว้ เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยเราจะได้ app ตัวนึงที่เป็นตัวกลางในการดาวน์โหลด และเก็บ app อื่นๆ ที่โหลดมาจาก App Store ของ Leap Motion เอง ชื่อว่า “Leap Motion App Home” ซึ่งเราสามารถหาโหลดโปรแกรมเสริมตัวอื่นๆ มาเล่นได้จากหน้าเว็บไซต์ Leap Motion App Store

leap-motion-app-center

leap-motion-visualizer

leap-motion-hands-on

หลังจากลองทำความคุ้นเคย โบกไม้โบกมือเล่นไปได้ซักพักก็ค่อนข้างเข้าใจการวางองศาของมือได้แล้ว เราสามารถหาโหลดเกมส์ที่มีอยู่ใน App Store มาลองเล่นเพิ่มได้อย่างเช่นเกมส์ DucknKill, Cut the rope หรือจะลองเล่น App ประเภทอื่นๆ เพื่อลองดูว่า Leap Motion นั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง

leap-motion-better-touch-tools

leap-motion-with-better-touch

leap-motion-volumn-down

leap-motion-volumn-up

การตอบสนอง-ความไวของ sensor ที่จับมือที่ผ่านเข้ามานั้นทำได้ค่อนข้างรวดเร็วมาก อาจจะหน่วงเพียงไม่ถึงครึ่งวินาทีด้วยซ้ำ เบื้องต้นลองใช้คนสองคนวางมือลงไป 4 มือ ก็พบว่ายังอ่านได้ แต่ sensor จะเริ่มรวนเหมือนกับว่าตัว controller นั้นมีขนาดเล็กไปเมื่อเทียบกับการใช้มือที่มากกว่า 2 มือพร้อมๆ กัน หลังจากที่ลองเล่นมาเกือบอาทิตย์ก็พบว่า หากเราเขียนโปรแกรมลงไปอาจจะให้ควบคุมการทำงานของเว็บไซต์บ้าง โปรแกรมบางประเภทบ้าง หรือนำไปใช้งานในเชิงธุรกิจอย่าง interior design หรือ presentation ก็น่าสนใจไม่น้อย เดิมทีผมใช้ BetterTouchTool ในการอำนวยความสะดวกบางอย่างอยู่แล้วบนคอมของตัวเอง ก็สามารถตั้งค่าการโบกไม้โบกมือให้ควบคุมการทำงานบางส่วนของคอมได้ไม่ยาก อย่างเช่น ตวัดมือขึ้นเป็นการเรียก Launchpad ตวัดมือลงเพื่อเรียกหน้า Desktop เลื่อนจอซ้ายขวาผ่านการใช้นิ้วชี้ หรือจะเพิ่มลดเสียงผ่านการหมุนนิ้วไปมา

บางทีในอนาคตเราอาจจะไม่ต้องใช้คีย์บอร์ดเพื่อป้อน input เข้าไปแล้วก็ได้ อาจจะแค่ยกมือมาพิมพ์บนอากาศ หรือจะใช้เพียงตามองแล้วดีดนิ้วให้ทำงานเปิดนั่นนี่ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป สำหรับ gadget ตัวต่อไปที่ผมรู้สึกว่าค่อนข้างอยากได้ก็เห็นจะเป็น Oculus เนี่ยแหละครับ แต่ถ้าถามว่า Leap Motion นี่คุ้มมั้ยที่จะลองซื้อมาเล่น

สำหรับผม ผมว่าคุ้มนะ คิดว่าเอาไปใช้ในงานที่ทำ หรือเพื่อเพิ่มมูลค่าของอย่างอื่นได้ด้วย

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ