เมื่อผมซื้อกระเป๋าตัง Bellroy

Bellroy, a slim wallet

องสามวันก่อนระหว่างที่ผมเข้าไปเช็คเว็บไซต์ที่ตัวเองดูแลให้อย่าง theTechr.com ก็ได้เห็นโฆษณาของ Google Adword ตัวนึงค่อนข้างน่าสนใจ จริงๆ แล้วผมก็เห็นกระเป๋าตังยี่ห้อนี้บน Google Adword มานานแล้วล่ะ แต่ช่วงแรกที่ได้เห็นนั้นคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อ เพราะกระเป๋าตังอันเก่ามันก็ยังใช้งานได้ ไม่ได้เยินหรือพังอะไรตามประสาคนใช้แบบทะนุถนอม (มั้ง)

Bellroy คือยี่ห้อกระเป๋าตังที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี้ ซึ่งหลังจากเข้าไปดูเว็บไซต์ของผู้ผลิตเองก็เกิดความอยากได้ขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว.. ก็แน่ล่ะ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะซื้อกระเป๋าตังให้ทันทีทันใด แต่เมื่อได้เข้าไปดูเว็บไซต์ของ Bellroy แล้ว ดู video ก็แล้ว โดยรวมมันดูน่าประทับใจแบบอยากจะได้อยากจะซื้อขึ้นมาทันที ผมคิดว่าเขาสร้างเรื่องให้กับสินค้าได้อย่างสมเหตุสมผล แล้วก็ดูเป็นจริงดี ไม่เหมือนกับสินค้าบางยี่ห้อที่โฆษณาชูตัวเองซะเวอร์จนจับหาความจริงไม่ได้

รุ่นที่ผมเลือกซื้อเป็นรุ่น Note Sleeve สีออกน้ำตาลเข้ม หรือในเว็บเรียกว่า Cocoa Java ตาม ลิงค์นี้ ครับ

ในฐานะที่ตัวเองก็เป็นคนเขียนเว็บอยู่แล้ว พอได้เห็นเว็บไซต์ของ Bellroy เองก็ต้องบอกว่าทำออกมาได้น่าใช้งานมากๆ ดูแต่ละส่วนเป็นระเบียบตามสไตล์ของ E-commerce และที่สำคัญคือลำดับการทำงานนั้นไม่ซับซ้อน เข้าใจได้ง่าย ถ้าคุณลองเล่นเว็บไซต์เขาสักพัก แล้วไปลองเล่นเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ E-commerce ในไทยหลายๆ เจ้าดูก็ได้ และที่คิดว่าเป็นส่วนที่ผมเลือกซื้อของยี่ห้อนี้เป็นเพราะว่า เขาเคลมตัวเองว่าเป็น กระเป๋าตังที่แบน และกระทัดรัดที่สุด เมื่อเทียบกับกระเป๋าตังใบเก่าของเรา

ลองดูหน้านี้ในเว็บไซต์ของเขาก็ได้ครับ หนึ่งในฟีเจอร์ของกระเป๋าตังที่ผมคิดว่า กระเป๋าตังรุ่นใหม่ๆ ควรมี.. “ความบาง” – http://bellroy.com/slim-your-wallet

bellroy, slim wallet

bellroy, slim wallet 2

ไม่ว่าจะเปิดเข้าไปที่หน้าไหนๆ ของเว็บไซต์ ก็จะเจอแต่คำว่า slim จนผู้ใช้อย่างผมซึมซับแล้วก็พูดกับตัวเองหน้าคอมว่า “เออ กูรู้แล้ว ว่ามันบาง

slim wallet

ไม่รู้นะ.. แต่สำหรับคนที่มีปัญหาแบบผมว่าไม่อยากพกกระเป๋าตังไปไหนต่อไหนเพราะว่ามันใหญ่ มันหนา เทอะทะ บางทีออกไปข้างนอกก็แค่หยิบแบงค์ออกไปแล้วทิ้งกระเป๋าตังไว้ในรถบ้าง หรือที่บ้านบ้าง ถ้าได้กระเป๋าตังที่บาง เล็ก แล้วก็พาออกไปไหนต่อไหนสะดวก หรือเข้ากระเป๋าหลังกางเกงได้อย่างไม่ตูมน่าเกลียด อันนี้ก็โอเค

ยิ่งมาเจอไอ้ป้าย banner ในเว็บที่มองไปทางไหนต่อไหนก็บอกว่า slim slim slim นี่แล้วด้วย.. “เออ มันน่าจะใช่ละวะ ยี่ห้อนี้

โอเค ผ่านเรื่อง feature เข้ามาดูเรื่องหน้าตาของสินค้ากันบ้าง เท่าที่ดูมาก็เห็นจะแบ่งรุ่นออกเป็น 3 รุ่น ซึ่งก็ถือว่าทำให้ผู้ใช้เข้าใจกลุ่มสินค้าที่ตัวเองต้องการได้ดีทีเดียว ( EVERYDAY, TRAVEL, ELEMENTS ) พอมาเห็นตรงนี้ ผมก็ไม่รอช้ากดเข้าไปที่ everyday serie แบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลย ก็แน่นอนว่าที่ตัวเองเอามาใช้มันไม่ได้ต้องขนาดที่ว่า ตัวเองเป็นนักเดินทางที่ต้องเดินทางบ่อย หรือต้องใช้โครตพ่อโครตแม่ทนแดดทนฝนอะไรขนาดนั้น everyday เนี่ยแหละ กุ user แบบบ้านๆ

note sleeve wallet

หน้าสินค้า, อันนี้ชอบครับ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราลำดับการกวาดสายตาได้ถูก จากซ้ายที่เป็นรูปไปด้านขวาที่เป็นราคา ผมว่าหน้านี้คนเราจะสนใจอยู่สองอย่างคือ รูปสินค้า กับ ราคาของสินค้า และแน่นอนว่าการจัดลำดับความสำคัญของสองสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ critical มากๆ ถ้าเห็นรูปสินค้าไม่ชัด ไม่เต็มอิ่ม หรือไม่มีความดึงดูด แต่กลับไปเน้นที่ตัวราคา อันนี้ก็จะทำให้เกิดอีกความรู้สึกนึงไปเลย ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะซื้อในทันทีหรอก แต่พอเห็นทั้งรูป ทั้งวิดีโอการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว มันก็เกิดความหลงใหลอยากจะได้ อยากจะครอบครอง ส่วนตัวผมชอบการนำเสนอสินค้าผ่านวิดีโอของ Bellroy มากๆ แต่ละรุ่นทำออกมาได้แตกต่างกัน และเหมาะกันคนละแบบ ทำให้ตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้นเยอะ

จนในที่สุด ราคาก็เป็นเรื่องเล็กที่สู้กิเลสของเราไม่ได้

โดนไปที่ราคา 3,000 กว่าบาท พร้อมค่าขนส่งแบบ track ได้(14$ หรือ 16$ จำไม่ได้) พอหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงช่วงนั่งรอของอยู่ที่บ้าน ไอ้ช่วงนี้เองที่เกิดความคิดแล้วคิดอีกว่า “ถ้ากูออกไปซื้อกระเป๋าตังที่เซ็นทรัลในราคา 3000.. มันอาจจะได้ดีกว่านี้ก็ได้นะ” นั่นแหละครับ แต่ทำยังไงได้ เราพ่ายแพ้ให้กับ UX ของยี่ห้อ Bellroy ไปแล้วเรียบร้อย เงินก็เสียไปแล้ว มารู้ตัวอีกทีตอนที่จ่ายเงินไปแล้วเนี่ยแหละ

รอของประมาณ 2 วัน (ส่งจาก Australia มากรุงเทพฯ) Fedex มาส่งของหน้าบ้านพร้อมบอกว่าโดนค่าภาษีอีก 1000 เศษ

สรุปแล้วนี่กูซื้อกระเป๋าตังราคา 4000 กว่าบาทเลยหรอวะ..

โอเค ช่างมันครับ เงินเสียไปแล้ว มานั่งเสียใจมันก็กระไรอยู่ เสียเงินแล้วก็ขอให้ได้ของที่ถูกใจก็พอ และด้วยความที่ว่าคิดมาตั้งแต่แรกว่ากระเป๋าตังมันต้องแบนว่ายี่ห้ออื่นๆ ตามที่เว็บไซต์โฆษณาก็เวียนวนอยู่ในหัวตลอด เพราะฉะนั้นก็เลยแกะกล่องสินค้าด้วยความคาดหวังที่ว่า จับต้องกระเป๋าตังในตอนแรก มันต้องแบน มันต้องแบนกว่าอันอื่นๆ ที่เคยจับมาบนห้าง.. ไม่งั้นคงเสียใจที่โดนหลอก 55

กระเป๋าตัง Bellroy

รีวิวกระเป๋าตัง Bellroy

โดยรวมผมว่าวัสดุทำออกมาค่อนข้างดีครับ เป็นหนังที่เก็บรอยตะเข็บได้เนียนสวย กระเป๋าใบไม่ใหญ่มาก ความสูงน้อยกว่า iPhone 5 ของผมอยู่ประมาณข้อนิ้วมือนึงได้ ทำออกมาได้ minimal ดี และส่วนที่สำคัญเลยอยู่ตรงนี้ครับ “ความบาง

รีวิวกระเป๋าตัง Bellroy 2

Bellroy กระเป๋าตัง

Bellroy กระเป๋าบาง

นั่นแหละครับ ความบางของกระเป๋าตังเมื่อเทียบกับฐานของ macbook pro retina แล้วก็สูสีกันเลย อันนี้ถ้าถามว่ามันบางกว่ายี่ห้อที่มีขายอยู่บนห้างหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอก เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยชอบเดินซื้อของแบรนด์เนมบนห้างอยู่แล้ว และบางอันมันก็ดู “ธรรมดา” เหมือนๆกันไปหมด บางอันก็ไม่ได้ถูกใจ หรือดึงดูดเสียเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ก็ได้หยิบได้จับสัมผัสแท้ๆ

ต่างกับเจ้านี่ที่เห็นเพียงแค่รูปในเน็ต กับรับรู้การสร้างเรื่องจากหน้าเว็บไซต์เท่านั้น

กระเป๋าสตางค์ bellroy

กระเป๋าสตางค์ bellroy

พอใส่เงินกับบัตรลงไปก็จะเห็นว่ากระเป๋าตังหนาขึ้น แต่ก็ไม่ได้หนาขึ้นมากแต่อย่างใด อีกอย่างกระเป๋าตัง Bellroy นี้ก็ยังเข้ารูปแล้วก็ยัดใส่กระเป๋ากางเกงได้สะดวกดี ซึ่งขนาดความหนาก็สูงกว่าฐาน macbook อยู่เล็กน้อย(เอามือถือวางด้านบน อีกมันแนบลงมาชิดกัน) โดยรวมๆ แล้วก็เป๋าตังยี่ห้อ Bellroy นี้ก็ถือว่าโอเคสำหรับผม ถึงแม้ราคาจะแรงไปสักหน่อยก็ตาม T.T

เห็นมั้ยครับ เรื่องของ UX นั้นมีความสำคัญมากๆ แล้วก็ส่งผลโดยตรงกับความต้องการของลูกค้าได้เลย ยกตัวอย่างเช่นของผม ที่ไม่ได้เปรียบเทียบราคา หรืออ่านรีวิว หรือหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลยกับสินค้าตัวนี้ บางครั้งอาจจะส่งผลต่อความชอบ เล่นกับกิเลสของผู้ซื้อได้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ต้องใช้กับเรื่องของการขายอย่างเดียวก็ได้ บางครั้งอาจจะใช้เพื่อเสริมสร้างความสบายใจของลูกค้า สร้างบรรยากาศ หรือแม้แต่ส่วนของการบริการลูกค้าทั่วไปก็ได้

ดูอย่าง Uniqlo, Apple store หรือ Starbucks แต่ละที่ดูครับ

แชร์บทความนี้

6 ความเห็นเกี่ยวกับ เมื่อผมซื้อกระเป๋าตัง Bellroy

  1. อยากดูกระเป๋าใบนี้ ณ เวลานี้จังเลยครับว่าเป็นยังไงบ้าง หลังจากผ่านการใช้งานมาได้เป็นปีแล้ว

    1. ตอนนี้ไม่ได้ใช้มาครึ่งปีแล้วครับ ด้วยความที่ว่ามันเยินโดนน้ำโดนฝนเยอะพอสมควร

  2. – อ่านแล้วสนใจอยากลองใช้เลยครับ แต่ของใหม่ราคามันสูงไป
    – เห็นว่าคุณไม่ได้ใช้แล้ว อยากเห็นสภาพว่าเป็นอย่างไรบ้าง
    – พอจะขายเป็นมือสอง แบ่งให้ลองใช้ได้มั้ยครับ?

  3. ผมใช้รุ่น slim sleeve ครับ
    ซื้อใช้มาตั้งแต่ มค.57

    บางจริง ทนจริงครับ
    อยากได้อันใหม่แต่อันนี้ไม่ขาดสักที

    กัดฟันซื้อไปเลยครับ ใช้ยาวๆ

แสดงความเห็นของคุณที่นี่

กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ