กลั่นกรอง หลับตา ความเป็นจริง

หากความคิดคนเปรียบได้กับพื้นผิวน้ำ.. ยิ่งกวน ยิ่งคน ก็ยิ่งไม่หนิ่ง ก็ยิ่งขุ่น แต่สุดท้ายมันก็จะกลับมานิ่งเหมือนเดิม เรานั้นรู้ตัวเองเสมอมา ว่าให้พยายามไม่คิดถึงเรื่องราวต่างๆที่คอยรบกวนจิตใจ เรื่องราวปะปนความเจ็บปวด เรื่องราวที่คิดถึงเมื่อใดแล้วก็เป็นทุกข์ แต่ถ้ามันทำได้ง่ายๆเหมือนที่เราพยายามคิดจินตนาการลอยขึ้นมากลางอากาศ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ใครจะไปรู้ เรื่องราวแสนเจ็บปวดบางเรื่อง กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของลมหายใจไปแล้ว .. มันเลยทำกัน ไม่ได้ง่ายๆ

ผมตั้งคำถาม.. ที่ใครต่อใครสอนเรามาตั้งแต่เล็กจนโต ที่บอกว่า “อุปสรรค เรื่องร้ายๆ เรื่องแย่ๆ มักจะทำให้เราเข้มแข็ง”  แท้จริงแล้ว เราเข้มแข็งขึ้นได้จริงๆน่ะหรอครับ ? หรือท้ายที่สุด เราก็แค่ชินชา ที่จะไม่รู้สึกอะไรเท่านั้น ? มันทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องนึงที่ผมชื่นชอบมาก “P-047 แต่เพียงผู้เดียว” ในเรื่องตัวละครเอกพูดประโยคๆนึงขึ้นมา..

“คนเราจะลืมสิ่งที่เคยทำไว้ได้ จริงๆหรอวะ”

นั่นหน่ะสิครับ คนเราจะลืมสิ่งที่เคยได้ทำไว้ได้จริงหรอ หรือ ทั้งหมดเราอาจจะไม่ได้ลืม เป็นเพียงการเลือน แล้วการเลือนนั้นเอง ต้องใช้เวลามากมายเสียเท่าไหร่.. เพื่อเลือนเรื่องราวบางเรื่องที่เจือปนอยู่ในลมหายใจได้

CGocean_time

อาจารย์ผมท่านนึงเคยย้ำเสมอว่า คนเราลืมตาตื่นขึ้นมาในทุกๆเช้า.. มักจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำถาม อาจจะเป็นคำถามโดยทั่วไป “ทำอะไรก่อนดี”, “เช้านี้จะกินอะไร”, “ไปทำงานทันมั้ย” ยังไงเสียก็ตาม เราก็จะต้องมีคำถามเสมอๆ แต่หากมันไม่มี.. คุณก็คงไม่พร้อม ไม่พร้อมที่จะทำอะไรเลยจริงๆ .. ผมพยายามหักล้างถ้อยคำต่างๆมากมาย ที่พบเห็นทั่วไป พยายามทดลอง พิสูจน์ ให้รู้ว่าเออที่เขาพูดกันมันเป็นจริงหรือเปล่า ลองยกตัวอย่างสักเรื่องให้เห็นภาพ.. เขาบอกกันว่า

“คนสองคนดึงหนังยางพร้อมกัน และเวลาต่อมา มีใครบางคนปล่อยหนังยางออกก่อน เชื่อได้เลยว่าคนที่ปล่อยก่อนจะไม่เจ็บ เช่นเดียวกับความรัก” คำกล่าวอ้างนี้ ผมสรุปว่า ไม่เป็นความจริงเลย, แม้แต่น้อย

ใจจริงผมอยากเขียนถึงอาชีพๆนึงครับ เป็นความจริงจากปากคนที่ทำอาชีพนี้ และ ทำงานกลางคืน ผมเชื่อว่ามีคนมากพอที่ไม่เข้าใจอาชีพนี้อย่างจริงจัง แต่ผมอยากรู้ .. ผมถาม ถามจากปากคนที่ทำอาชีพนี้จริงๆ และ ก็ไม่ได้เป็นอาชีพที่ผิดกฏหมายอะไร ผมชอบนะ.. มันทำให้เหมือนราวกับว่า โลกใบเดียวที่เรายืนกันอยู่นี้ มีความแตกต่างในมุมมองอย่างชัดเจน

อาจจะเป็นเพราะความแตกต่างนี้เองก็ได้.. ที่สามารถทำให้เราบิดเบือนความเป็นจริงได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องรู้สึกใดๆ

แต่นั่นเอง คงไม่ใช่อาชีพที่ผมทำ. สมมุติกันเล่นๆ ถ้าเราทุกคนทำงานเหมือนคอมพิวเตอร์ มีผิดถูก โดยใช้ค่าสองตัวคือ 0 กับ 1 ความจริงคือความจริง เท็จคือเท็จ เราก็คงไม่ต้องคิดอะไรต่างๆนาๆ… ให้มากมายเสียขนาดนี้กันหรอก

แต่นั่นก็แค่นามธรรม.. ที่ไม่เคยเป็นจริง

ท้ายที่สุดแล้ว.. ผมก็ยังเชื่อว่า เราให้อะไรใครไปยังไง เราก็จะได้กลับมาแบบนั้น, เลี้ยงใครด้วยความจริงใจ เติบโตออกดอกผล ก็ได้ความจริงใจ, เลี้ยงด้วยเงิน ก็ได้แค่มูลค่า หมดหน้าที่ก็สูญสลายไปตามกาลเวลา .. แต่นั่นไม่ใช่กับทุกคนหรอกครับ บอกเลย.

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ