จุดพอใจ

เมื่อจุดพอใจของคนเรา, ไม่เท่ากัน

น่าแปลกที่บางที.. สิ่งที่เราตามหามานาน ต้องการมานาน อาจจะเป็นแค่เพียงคำตอบธรรมดาๆไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายเลย เฉกเช่นเดียวกับที่เมื่อตอนเราเด็กๆ มักจะมีผู้ใหญ่สมมุติเหตุการณ์ขึ้นมาถามลูกเด็กเล็กแดงกันอยู่เสมอๆ

“ถ้าสมมุติว่าหนูขอพรได้หนึ่งข้อกับนางฟ้าเทวดา(หรืออะไรสักอย่าง) หนูจะขอพรอะไร”

สมัยเด็ก เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอกนะก็แค่ตอบๆไป ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งเสียเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะรู้ว่าพูดไปแล้วแม่งก็ไม่ได้มีอะไรขึ้นมา เหมือนกับนิทานหลอกเด็กบ้านๆหนึ่งเรื่อง แต่การเวลาผ่านไป.. ผมลืมเลือนคำถามนั้น และไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาถามอีก มันน่าแปลก.. น่าแปลกที่เราได้ยินคำถามนั้น เรามีบทบาทเป็นผู้ถูกถาม แทนที่เราจะไม่คิดอะไรแล้วก็ตอบๆไปเหมือนกับตอนที่เราเป็นเด็ก.. แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างมาฉุดให้เราคิด คิดมากกว่าคำถามบ้านๆเพียงหนึ่งคำถาม คิดเสมือนราวกับว่าคำตอบที่เราตอบออกไปนั้นมันจะเป็นจริงได้เสียอย่างนั้น

ผมนั่งนึกอยู่นาน..

บางทีสิ่งที่เราต้องการมันมากมาย หรืออาจจะวิ่งตามหามันมานมนานอาจจะเป็นคำตอบเพียงคำง่ายๆ อย่างเช่นคำว่า “ขอให้มีความสุขมากๆ” แต่ก่อนที่ผมจะพูดคำนี้ออกไป มันกลับมีคำถามขึ้นมาแทรกกลางความคิดว่า “แล้วแค่ไหน แค่ไหนล่ะ ที่เรียกว่าความสุข ?” มันเป็นคำตอบที่กว้างและบ้านมากเกินไปหรือเปล่า ความสุขมันควรหยุดที่จุดไหน? ในเมื่อสังคม ผู้คนมากมายต่างมีจุดพอใจในความสุขที่ต่างกัน ผมจึงแค่ตอบออกไปอย่างช้าๆว่า “ขอให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บก็พอ”

art-in-paradise pattaya

ทุกคนล้วนมีมุมมอง, ทุกมุมมอง ล้วนเห็นภาพไม่เหมือนกัน.. อย่าด่วนสรุปใครสักคน ด้วยมุมมองของเราเพียงด้านเดียว

art-in-paradise pattaya

art-in-paradise panorama

แล้วก็กลับมานั่งนึกถึงจุดพอใจจุดดังกล่าว.. มันทำให้ผมนึกขึ้นได้ถึงเรื่องราวเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา

สุดสัปดาห์นั้นผมเดินทางออกไปพักผ่อนที่พัทยากับแม่ โดยมีเป้าหมายตอนแรกอยากจะลองไปทานอาหารที่ร้าน The glass house เสียหน่อย ด้วยความที่คุณแม่ได้ยินชื่อเสียงบอกต่อๆกันมาเยอะพอสมควร ไอ้ตอนที่เดินเล่นอยู่ใน Art in paradise นั้นเอง ผมก็เอะใจอยากจะหาเส้นทางจากที่ art in paradise ไป the glass house เสียหน่อย เลยเปิดแอพฯ Foursquare ขึ้นมาลองหาๆดู ปรากฏว่าเจอรีวิวด้านลบเสีย 90% มีแต่คนด่ามีแต่คนว่า “บริการอย่างห่วย”, “อาหารแพงเกินไป บริการก็แย่”, “พนักงานไม่สนใจเลย” ฯลฯ ความเห็นมากมายมันเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจหาร้านอาหารในช่วงเที่ยงวันนั้น

“เขาด่ากันเยอะขนาดนี้เลยนะแม่ ยังจะไปอยู่อีกเปล่าอะ” ผมเริ่มเกิดคำถาม เริ่มไม่แน่ใจ.. เริ่มสับสน

“ไหนๆก็มาแล้ว ลองไปดูก่อนก็ได้” แม่ผมตอบมา แล้วเราก็ขับรถไปถึงร้าน The glass house ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา

the-glass-house

วันที่ผมไปนั่นเป็นวันเสาร์ปลายเดือน ตอนแรกก็คิดว่าคนจะเยอะ แต่พอไปถึงก็ไม่ได้เยอะอย่างที่คิด ร้านก็บรรยากาศเริ่มรื่นดี ผมกับแม่ลงไปนั่งที่โต๊ะทางเดินใกล้ๆหาด ลมเย็นสบาย พนักงานก็ค่อนข้างทั่วถึงดี ว่าแล้วก็สั่งอาหารมาทาน 4-5 อย่างเห็นจะได้ ตอนที่กินอยู่ก็นั่งคิด นึกถึงความเห็นต่างๆที่เห็นมาเมื่อสักครู่ ก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เลวร้าย หรือ แย่เหมือนที่นึกภาพตามไว้เลย ร้านก็บรรยากาศดี จัดโต๊ะห่างค่อนข้างเป็นส่วนตัว รสชาติอาหารก็เฉยๆไม่ได้เด่นอะไร แล้วก็ไม่ได้รู้สึกแย่ด้วย ทำให้ตอนนั้นคิดอยู่สองอย่าง หนึ่งคือทางร้านปรับปรุงเรื่องการบริการและอื่นๆแล้ว หรืออีกอย่าง..

“ความพอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งของคนเราไม่เท่ากัน”

la-baguette

บางทีมันก็อาจจะเป็นเพียงแค่คำถาม หรือ คำพูดลอยๆง่ายๆเท่านั้นเองนะ.. บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องยาก ที่ต้องตอบคำถามของตัวเองว่าจริงๆแล้ว, เรารู้สึกยังไง.. เราต้องการอะไร

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ