ก่อร่างสร้างฝัน

Startup ไม่ได้เริ่มด้วยเงิน(อย่างเดียว)

startup

บางทีมีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อทุกอย่างได้ สำหรับผมมันซื้อความรู้สึกส่วนลึกที่สุดไม่ได้ ถึงแม้มันจะต้องเป็นส่วนที่เริ่มพื้นฐานในการจะทำอะไรๆเกือบทุกอย่าง ผมไม่ปฏิเสธครับ, ไม่ปฏิเสธเลยว่าผมต้องการเงิน เราลงทุนลงแรงเพื่อมัน.. แต่ผมไม่ได้เคารพใครต่อใครที่เงิน ผมว่าคนทุกคนย่อมมีความฝัน คิดถึงความสำเร็จ มีเป้าหมาย มีจุดประสงค์ของตัวเอง ถึงแม้ในบางเวลามันอาจจะไม่ได้ชัดเจน แต่สุดท้าย เราก็รู้ว่าเราทำอะไรๆหลายต่อหลายอย่าง.. เพื่อมัน

ผมยังจำได้เลือนลางถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวเองในสมัยเด็กๆ ตอนมัธยมผมคาดหวังเสมอ “ไหนๆก็เรียนมาแล้ว ก็เรียนมันให้ถึง ป.เอก เลยจะเป็นไรไปเล่า” เวลาผ่านไปไม่กี่ปี ก่อนที่ผมจะเรียนจบ ป.ตรี ความคิดเดิมๆซ้ำๆก็วกวนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง “ก็ขอแค่ได้ทำงานในสายที่ตัวเองชอบ ได้ค้นหาตัวเอง ได้รู้ตัวเอง เท่านั้นก็ดีแล้ว” แน่ล่ะ.. ผมยังคงจำเรื่องราวที่ผมเคยเขียนเมื่อสักปีก่อนที่บล็อกนี้ได้ดีเลย ช่วงนั้นเองผมรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างสับสน สับสนที่จะต้องค้นหาตัวเองว่าตัวเองชอบอะไร ลังเล กลัวไม่กล้าตัดสินใจ เดี๋ยวอยากจะเรียนต่อ เดี๋ยวอยากจะทำงานพิสูจน์ตัวเอง

จนมาถึงจุดที่ได้ตัดสินใจจริงๆ.. ได้เข้ามาใช้ชีวิตพนักงานประจำ ก็ได้คิดอีกอย่าง “มันไม่มีเรื่องเรียนต่อถึง ป.เอก อยู่ในหัวเลยตอนนี้” มันเหมือนกับว่าเรากำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ที่คึกคะนองมากๆ อยากจะพิสูจน์ อยากจะท้าทายหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่เคยได้เป็นผู้เล่นจริงๆมาก่อน “มันเหมือนราวกับว่า ตัวเองยังรู้สึกกระหายอะไรใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา จนบางทีเราก็ลืมคิดไปว่า ไอ้ที่ผ่านมาผ่านไปนั้นหน่ะ เราได้ใส่ใจกับมันอย่างจริงๆจังๆแล้วแน่หรอ”

มันเหมือนกับว่าตอนนี้เราอยากจะทำงานหนัก เราอยากจะทำอะไรใหม่ๆ อยากขอโอกาส อยากที่จะให้คนอื่นเห็นบางสิ่งบางอย่างในตัวเราที่กำลังจะบอกว่า “เห้ย กูไม่ได้เป็นตัวถ่วงนะ กูทำงานได้ กูพร้อมแล้ว” แน่ล่ะ.. การมุ่งหวังของผมตอนนี้เปลี่ยนไป มันเหมือนกับว่า เรากำลังเล่นเกมส์ๆหนึ่งที่ใช้เวลาเป็นตัวดำเนินเรื่อง แล้วตัวเองเหมือนกับว่าต้องเก็บประสบการณ์ หรือ ที่คนทั่วไปเรียกว่า level ตามแบบของเกมส์ที่เคยเล่นๆกัน

การคาดหวังของเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันเหมือนกับ การเขยิบเป้าหมาย-ความสำเร็จขึ้นไปทีละขั้น

ผมไม่รู้ว่า ถ้าคนเราเลือกที่จะพอกับเป้าหมาย และ ความสำเร็จที่ได้มานั้นแล้ว แล้วมันจะต้องเป็นยังไงต่อ เพราะทุกครั้งที่ผมรู้สึกว่าเรา goal แล้ว ผ่านจุดๆนั้นมาช่วงเวลาหนึ่ง มันจะรู้สึกเหมือนกับว่า “ก็ผ่านความสำเร็จตรงนั้นมาแล้ว.. แล้วยังไงอะ แล้วต้องรู้สึกยังไงต่อ” มันก็เลยต้องเขยิบความคาดหวังขึ้นไปเรื่อยๆ มันก็ดูเหมือนว่าเราจะเป็นคนไม่รู้จักพอนะ.. แต่ถ้าเราเลือกที่จะหยุดนิ่งกับเป้าหมายนั้นๆ แล้วเราจะรู้ขีดความสามารถที่เรามีที่สุด.. ได้ยังไง ผมไม่เข้าใจ ?

kunlasatri-desktop

จาก Design > Back-end > Front-end

งานที่ผมทำอยู่ตอนนี้เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ล้วนๆ แต่ส่วนมากจะทำในส่วนที่เป็นส่วนของหน้าเว็บไซต์เท่านั้น มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกอย่างนึงที่เมื่อก่อนสมัย 7-8 ปีที่แล้วเราอยากจะเป็นคนออกแบบ ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาเกี่ยวกับคอม แต่บังเอิญว่าตอนนั้นใช้คอมเล่นเกมส์บ่อยมาก เลยได้เล่น photoshop มากหน่อย ลองไปแข่งก็โอเคสนุกดี แต่ดันมาเลือกสายที่เรียนสมัย ป.ตรี ผิด เลยจำเป็นจำใจต้องหันเหไปทาง Back-end อยู่ประมาณ 3 ปีกว่าๆเห็นจะได้

ช่วงนี้เองที่สับสนมากมายเหลือเกินตามบทความเก่าๆที่เคยเขียน เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบอะไรกันแน่ ออกแบบก็ได้ เขียนโปรแกรมก็พอได้ ประกอบกับช่วงเวลาว่างเหล่านั้นก็เอาไปอ่านไปศึกษาเรื่องจิปาถะมากมายไล่ไปจนถึงฝึกงานกับบริษัทที่เกี่ยวกับเน็ตเวิร์คล้วนๆด้วยอีก ตอนนั้นเริ่มหันเหแล้ว.. ก็คิดว่าจะไปทางเครือข่ายแน่ๆ ถึงกับซื้อหนังสือมาอ่าน ไล่หาคอร์สเรียนเสริม คิดถึงขั้นจะสอบ CCNA ของ CISCO อีก

แต่แล้วไม่รู้ว่าอะไรมายังไง ได้โปรเจคจบเกี่ยวกับเว็บไซต์ ทำ Back-end เสียส่วนใหญ่ ไอ้เราก็ไม่ค่อยถนัดเขียนโปรแกรมมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ชอบดูชอบศึกษาพวก UI ต่างๆ เลยหนักไปทาง Front-end เสียมากกว่า จนสุดท้ายแล้วก็เลยมาตกที่ทำงานในส่วนของ Front-end เพราะเราก็พอมีพื้น design อยู่บ้างก็น่าจะได้เปรียบ

สุดท้ายแล้วก็โดนใครต่อใครด่า บอกชอบทำงานคนเดียว.. ก็แน่ล่ะถ้าพูดถึงความเร็ว ไม่ต้องรอแก้งานคนอื่น คิดอะไรก็จับใส่จับวางหาข้อมูลได้เลย ไม่ต้องไปถามใครต่อใครต่อว่าทำได้มั้ย แบบนี้มั้ยแบบนั้นโอเคมั้ย แล้วพอเวลามีปัญหาอะไร.. ก็ต้องรับคนเดียว มันก็เรื่องปรกติธรรมดาๆเรื่องนึง

เมื่อวันสองวันก่อน ลองนั่งออกแบบ mockup เว็บไซต์ขึ้นมากะจะเอามาเขียนเป็น responsive เสียหน่อย สุดท้ายก็ต้องมานั่งรื้อฟื้นใช้งาน photoshop อยู่พักใหญ่ๆ จนได้เวอร์ชั่น desktop ทั่วๆไป กับ mobile ที่เป็นหน้าตาราวๆนี้ จะเน้นแบบ flat design หน่อยเพราะค่อนข้างเรียบง่าย และ เป็นความชอบส่วนตัว เลยหาชื่อกับคอนเซ็ปให้เป็น “กุลสตรี” ง่ายๆสั้นๆ ชื่อไทยที่สื่อถึงความเรียบร้อย และ นุ่มนวล

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ