อยากไป ก็ไป.. สุพรรณบุรี

ครึ่งวันใน สุ๑๐๐๐ แบบไม่รู้อะไรเลย

หลังจากที่ได้แวะ วัดเล่งเน่ยยี่ (ถ่ายไปศุกร์ไป เล่งเน่ยยี่ ๒ บางบัวทอง) ที่เป็นทางผ่านก่อนเดินทางไปสุพรรณ นี่ก็เป็นเวลาเที่ยงพอดีที่ออกเดินทาง เรียกได้ว่าวันนั้นแดดแรงมาก แทบจะเป็นลมกันไปเลย แต่ใครหลายต่อหลายคนมักบอกว่า ฟ้าเปิดมักจะได้รูปสวยกลับบ้าน ก็เอาหน่ะไหนๆก็ไปแล้ว ไปแบบไม่รู้อะไรเลยก็ได้ คนเดียวก็ต้องไปได้ ค่อยไปถามคนแถวนั้นเอา..

วัดไผ่โรงวัว

วัดไผ่โรงวัว 2วัดไผ่โรงวัว 3

ผมเดินทางจากบางบัวทองไปเป็นเวลาร่วมชั่วโมงกว่าๆ มีป้ายบอกทางตรงไปกับเลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้ายไปอำเภอสองพี่น้อง และวัดไผ่โรงวัว ส่วนตรงไปก็เข้าเมืองสุพรรณ ไหนๆก็มาแล้วออกซ้ายแวะวัดไผ่โรงวัวสักหน่อยจะเป็นอะไรไป ขับไปสักพัก (ไกลพอสมควร) ก็ถึงวัดสักที ตอนที่ถึงนี่ราว บ่ายครึ่ง คนน้อยแดดแรง ไม่รอช้าจอดรถแล้วลงไปไหว้พระถ่ายรูปสักหน่อย

วัดไผ่โรงวัว ผมเพิ่งเคยมาครั้งแรก รู้สึกว่าวัดนี้มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่มาก มีตลาดย่อมๆไว้ขายของให้นักท่องเที่ยว เข้าไปในๆอีกสักหน่อยจะเจอเมืองนรกภูมิ ที่จำลองเมืองนรกขึ้นมาสอนใจคนที่เข้ามาชม จุดเด่นของวัดนี้ผมคิดว่าคงเป็นพื้นที่กว้างขวาง โบสถ์สวยงามตระการตา และมีพระพุทธรูปมากมาย เหมาะกับการที่ครอบครัวพาลูกหลานมาไหว้พระและใช้เวลาร่วมกับครอบครัว..

วัดไผ่โรงวัว 4

วัดไผ่โรงวัว 5วัดไผ่โรงวัว 6

ผมก็ไม่เคยคิดหรอกครับ ว่าตัวเองจะดันทุรังอะไรมาต่างจังหวัดแบบตามใจตามอารมณ์ตัวเองได้ขนาดนี้ แต่เมื่อสิ่งที่ได้กลับออกมามันให้ประสบการณ์ที่มีค่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ผมคิดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้คุ้มแล้ว .. สำหรับตัวผม ว่าแล้วออกเดินทางจากวัดไผ่โรงวัวกลับเข้าไปในเมืองสุพรรณกันดีกว่า ด้วยความที่ว่าผมไม่เคยมาจังหวัดนี้เลย ข้อมูลก็ไม่ได้หา เส้นทางก็ไม่รู้ มั่วสุ่มไปอาจจะเสียเวลาได้ อีกทั้งฟ้าฝนก็เริ่มจะตั้งเค้าแล้ว เคยได้ข่าวว่าพลุระเบิดที่ศาลหลักเมืองที่มีมังกร รู้แค่นั้น ก็เลยว่าจะเริ่มคลำทางจากจุดนี้เป็นที่แรก

โชคดีหน่อยที่ในตัวเมืองมีป้ายบอกทางไปศาลเจ้าพ่อหลักเมืองค่อนข้างเยอะ ทำให้อุ่นใจคลำทางจนมาถึงจนได้ เวลาประมาณบ่าย 3 นิดๆ ถือว่าไม่ช้าไม่เร็วแดดก็พอแรงได้อยู่เลยหยิบกล้องออกไปถ่ายรูปตามประสาคนไม่รู้อะไร

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

น่าเสียดายที่อุทยานมังกรนั้นซ่อมแซมภายนอกอยู่ เลยไม่ได้ภาพที่ถูกใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีที่ได้ภาพโดยรอบๆมาแทน อยากจะขอบคุณฟ้าที่เปิดโล่งทำให้ได้ภาพวิวทิวทัศน์สวยๆจากสถานที่น่าประทับใจพร้อมก้อนเมฆขาวๆในวันนั้นเสียจริงๆ ผมคิดว่าถ้านี่เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์คนน่าจะเยอะเป็นแน่ ดูจากสถานที่ที่ใหญ่โตและของขายทำบุญที่มีมากมาย

ผมได้ซื้อธูปมาชุดนึง ซึ่งเป็นชุดใหญ่มากสำหรับผม เพราะผมเองก็ไม่เคยได้ธูปมากขนาดนี้มาก่อนเลยลองสังเกตุนักท่องเที่ยวคนอื่นๆดูก็ได้ความว่าต้องเดินปักธูปตามจุดต่างๆ อย่างละ 3 บ้าง 1 บ้างให้ครบทุกจุดในบริเวณนั้น

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง4

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง2ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง3

แวะถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ๆ และทำบุญอะไรเสร็จแล้วก็คิดว่าน่าจะไปต่อที่อื่นบ้างได้แล้ว จึงสอบถามทางจากแม่ค้าแถวนั้นว่ามีที่ไหนที่น่าไปเที่ยวชมอีกบ้าง ก็ได้ความว่า หอคอยบรรหารแจ่มใส อยู่ใกล้ๆแถวนี้ แม่ค้าก็ใจดีบอกทางมาเรียบร้อย แต่ทำไมเวลาไปจริงๆแล้วผมขับวนหาทางเข้าไม่เจอ เลยพลาดไม่ได้เข้าไป

เวลา 4 โมงโดยประมาณ คิดว่าถ้ากลับตอนนี้รู้สึกว่ายังมาไม่คุ้มเท่าไหร่ เลยถามทางคนแถวนั้นไปตลาดสามชุกหรือตลาด100ปีที่ใครๆรู้จักกันสักหน่อย พอรู้แล้วก็ขับขึ้นไปร่วม 30 กิโลกว่าจะถึง ในตอนนี้ฟ้าก็เริ่มครึ้มๆอีกแล้ว คงเดินอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนักเลยไม่รอช้าหยิบกระเป๋าแล้วเดินดุ่มๆเข้าไปที่นี่สักหน่อย

สามชุก ตลาดร้อยปี

สามชุก ตลาดร้อยปี 3สามชุก ตลาดร้อยปี 3

ถามว่าวันนี้คนเยอะมั้ย บอกได้เลยว่าน้อย ถ่ายรูปแบบราบรื่นมากๆ ไม่ต้องมาหามุมอะไรเยอะนัก ไม่ต้องเบียดเสียดเพื่อให้ได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ ของกินของขายก็เพียบพร้อม

ผมคิดว่าตลาดนี้น่าเดินกว่าตลาดน้ำอโยธยาที่ผมไปมา เพราะคนน้อยกว่า ที่นี่ดูเป็นบ้านคนจริงๆได้บรรยากาศแบบไม่ต้องสรรค์สร้างอะไรเพิ่มเติม ชาวบ้านที่นี่ก็ใช้ชีวิตขายของอย่างปรกติ อากาศดูเป็นใจและถูกชะตาผมมากกว่าตลาดน้ำที่อยุธยานั่น ถึงแม้ว่าตลาดสามชุกจะดูเล็กกว่าแต่ดูอบอุ่น เดินเพียงไม่กี่ซอยก็ทั่วแล้ว แต่ผมคิดว่ามันมีสเน่ห์อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ..

สามชุก ตลาดร้อยปี 2

สามชุก ตลาดร้อยปี 5สามชุก ตลาดร้อยปี 6

สามชุก ตลาดร้อยปี 7สามชุก ตลาดร้อยปี 8

มาถึงที่นี่แล้วจะไม่กินของดีที่นี่ก็ยังไงอยู่ ถ่ายๆรูปจนพอใจมาหยุดที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นยักษ์ร้านนึง เลยต้องเข้าไปลองชิมเสียหน่อย.. แล้วต้องบอกว่าของเขาใหญ่อย่างเดียวไม่พอ แต่รสชาติก็ดีจริงด้วย

น่าแปลกที่คนใกล้ตัวผมบอกว่า ตลาดสามชุก มันไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ไปก็งั้นๆ ตอนแรกผมก็เชื่ออย่างนั้น เชื่อว่ามันไม่มีอะไรและไม่น่าไปด้วยซ้ำ แต่พอมาเห็นเองด้วยลูกตาสองข้าง ก็รู้สึกว่าความคิดที่สร้างขึ้นมาหลอกสมองของตัวเองนั้นผิด ผมชอบบรรยากาศที่นี่ ชอบตลาดจีนๆแบบนี้ และถ้าได้โอกาสจะมาถ่ายรูปอีกแน่

ออกจากสามชุกราว 5 โมงกว่าๆ เดินทางกลับบ้าน ตามฝนฟ้านัดแนะ พอขึ้นรถปุ๊บฝนก็ตกปั้บ เมืองสุพรรณนั้นมีอะไรที่มากกว่าผมคิดไว้จริงๆ จบทริปตัวคนเดียวแบบง่ายๆไว้เพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ