วาจา หรือ การกระทำ คือแรงผลักดัน ?

พูดน้อย ทำเยอะ หรือ พูดเยอะ แล้วทำน้อยๆ

เมื่อก่อนผมเชื่ออยู่เสมอเลยครับว่า การกระทำจะเป็นตัวชี้วัดความก้าวหน้าและความน่าเชื่อถือของบุคคล แต่มันมีสิ่งที่คอยเปลี่ยนแปลงความคิดของผมไปตามกาลเวลา อาจจะไม่ได้เปลี่ยนไปทั้งหมดเลยในช่วงเวลาหนึ่ง แต่มันก็ค่อยๆสอดแทรกเข้ามาแทนความคิดเดิมๆอยู่เสมอๆ จนกระทั่งได้เวลาหนึ่ง ผมเริ่มสับสนแล้วว่าในทุกวันนี้ คนเราใช้อะไรเป็นแรงผลักดันหรือตัวชี้วัดกันแน่ระหว่าง วาจา หรือ การกระทำ ที่ผมคิดอย่างนั้นมันมีที่มาจากหลายๆที่และจากคนหลายๆคน..

บ่อยครั้งที่ผมสังเกตุเห็นว่าเดี๋ยวนี้คนเราคิดจะเชื่ออะไรจากใคร มักจะเชื่อจากคำพูดมากกว่าการกระทำ ก็เหมือนที่พนักงานบริษัทหลายคนบ่นว่าทำงานตัวแทบขาด แต่ได้ผลตอบแทนน้อยกว่า พวกที่เลียแข้งเลียขาเจ้านาย เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ มองเห็นอะไรก็เพื่อตัวเองจนลืมคิดเสียว่าให้เห็นแก่ส่วนรวม ก็เหมือนกับที่แกนนำสีหนึ่งพูด ประชาชนของอีกสีหนึ่งก็ไม่เชื่อ ก็เหมือนกับที่ว่า พ่อแม่ตักเตือนลูกแค่ไหน ลูกก็เชื่อน้อยกว่าเพื่อนที่รู้สึกผูกพันธ์และเห็นว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน นั่นมันเพราะอะไรครับ .. ?

quote-jir4yu.me

ผมลองมานั่งคิดดูคิดแล้วคิดอีกกับสิ่งเหล่านั้น เนื่องจากโดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดจากการกระทำการแสดงออกของคนรอบข้าง ของสิ่งแวดล้อม และใช่ครับ .. ประโยคเดียวกัน แค่คนพูดคนละคน แต่มีการรับฟังที่ไม่เท่ากัน สาเหตุนั่นก็น่าจะเป็นเพราะ เราเลือกที่จะรับฟังเรื่องราวต่างๆ จากคนที่เราอยากจะฟัง อย่างเช่น แกนนำเสื้อแดงแนะว่าอย่างนี้ดี อันนั้นคือความจริง คนเสื้อแดงก็อาจจะเชื่อ กลับกันกับคนเสื้อเหลืองที่ไม่เชื่อเพราะมีความคิดที่ต่างกัน เหมือนกับ ถ้าแกนนำเสื้อเหลืองพูด คนเสื้อเหลืองก็อาจจะเชื่อ กลับกันคือคนเสื้อแดงอาจจะไม่เชื่อก็ได้

ถ้าสมมุติว่าแกนนำทั้งสองสีพูดเหมือนกันด้วยประโยคเดียวกัน อาจจะทำให้คนทั้งสองสีมีความคิดที่ตรงกัน และอาจจะทำให้ประเทศชาติขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันด้วยก็ได้ ..แต่คงเป็นไปได้ยากจากสถานการณ์ทุกวัน

เอาล่ะ ต้องขอโทษด้วยที่เขียนพาดพิงถึงเรื่องการเมือง แต่เพราะนั่นเป็นการทำให้เห็นภาพที่สุดของการเชื่อในคำพูด แต่ทุกวันนี้ก็มีอีกหลายต่อหลายคนที่พยายามพิสูจน์ให้เห็นถึงอะไรบางอย่างจากการกระทำของตัวเอง ผมว่า คนเหล่านี้แหละ ที่น่านับถือกว่าคนที่เอาแต่พูด เน้นวาจาปลุกความคิดผู้อื่น (ก็แค่ความเห็นส่วนตัว) แต่จะดีกว่าถ้าพูดแล้วทำไปด้วย เพราะ พูดแล้วทำคือเครื่องการันตีความน่าเชื่อใจของบุคคลนั้นๆ ผมเชื่ออย่างนี้

พูดน้อยทำเยอะ อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้คำนี้เสมอไป ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ได้ทำการยกย่องมือขวาของ Steve Jobs หรือบิดาผู้ให้กำเนิด I Devices ทั้งหลาย ว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทุกๆอย่างของ Apple ถ้ามีคนพูดถึง Jobs ก็คงจะไม่มีใครไม่รู้จักโดยเฉพาะในหมู่คนที่มีพวก I ๆ ทั้งหลายครอบครองอยู่ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จัก CEO คนปัจจุบันของ Apple ที่ชื่อ Tim Cook  บ้าง เพราะเห็นคนส่วนใหญ่ที่ใช้ iphone, ipad ในตอนนี้ก็รู้จักแต่ Steve Jobs แต่ถ้าถามถึง Tim Cook ก็อาจจะงงว่าเขาเป็นใคร

quote-ceo-apple

Tim Cook ได้รับการเรียกขานจากสื่อยักษ์ใหญ่ในโลกว่าเป็นคน Low profile, High Impact ครับนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเน้นการกระทำมากกว่ามาออกสื่อ ประสิทธิภาพและการทำงานทั้งหมดอยู่ในขั้นที่ว่า Steve Jobs เชียร์นักเชียร์หนาให้เข้ามารับตำแหน่ง CEO ต่อจากตัวเองด้วยซ้ำไป

เหมือนกับอะไรอีก ?

ผมนึกไปเล่นๆเหมือนกับ Framework และ Library ในปัจจุบัน ที่เหล่านักพัฒนาโปรแกรมอาจจะคุ้นเคยและได้ใช้มันอยู่บ่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น Jquery ที่เป็น library ของ Javascript และ codeigniter ที่เป็นของ PHP พวกนี้ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเหมาะกับการเรียกใช้งานมากขึ้นภายใต้คอนเซ็ปที่ว่าต้องเขียนให้น้อยลงและทำงานให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้นหรือเท่ากับที่ทำอยู่ได้ ยกตัวอย่าง quote ของ Jquery ที่ว่า Write less, do more (เขียนน้อย ทำเยอะ)

quote-jquery

ก็แค่เรื่องที่อยากจะพูดถึงเฉยๆครับ ไม่ได้มีเกี่ยวอะไรกันมากมายเท่าไหร่ แต่อยากจะให้รู้ว่าสมัยนี้ คนเราอาจจะเชื่อกันที่คำพูดในความรู้สึกแรกมากกว่าการกระทำ แต่ผมก็เชื่อว่าเมื่อถึงในจุดๆนึงคนเราจะหันมาเชื่อและไว้ใจใครต่อใครจากการกระทำมากกว่าอยู่ดี เหมือนกับที่เราตั้งใจจะคบกับใครสักคน เพียงแค่เขาบอกว่า จะรักมากมาย ไม่หลอกลวงอย่างโน้นอย่างนี้ ใครพูดก็พูดได้ครับ แต่สิ่งที่จะวัดความจริงใจได้ คือเวลา และ การกระทำอยู่ดี

Jir4yu.

แชร์บทความนี้

    แสดงความเห็นของคุณที่นี่

    กรุณากรอกอีเมล์ของคุณก่อนส่งข้อมูล เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบข้อความของคุณ